เจอตัวแล้ว เด็กชายวัย 11 ขวบ น้อยใจแม่ เขียนจดหมายทิ้งไว้ก่อนหนีออกจากบ้าน คนตามหากันวุ่น สุดท้ายเจอไปนอนหลับอยู่บ้านหลังตรงข้าม

วันที่ 17 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 16 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาได้ มีเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ บ้านอยู่บ้านป่าแดง ต.ป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้หนีออกจากบ้านพร้อมเขียนจดหมายถึงแม่ข้อความว่า "แม่ครับ ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้คุยกัน อยากออกจากบ้านเพราะบางแม่ก็ชอบตะคอกใส่ ตี ด่า ทำผิดนิดเดียวก็ทำโทษ ก็เลยรำคาญถึงไปจาก กว่าแม่จะได้อ่านก็ไปแล้วครับ ลาก่อน รักนะครับ"

หลังจากนั้นญาติได้ไปแจ้งนายมนูญ อินเหลือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 15 บ้านป่าแดง ต.ป่าเลา จากนั้นก็ได้ช่วยกันออกตามหาตามบ้านญาติและบ้านเพื่อนๆ รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่น้องเคยไป แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการแชร์ประกาศตามหาเด็กชายเอในโซเชียล

กระทั่งเวลา 06.30 น. นายมนูญ อินเหลือง ผู้ใหญ่บ้านได้ลองขึ้นไปตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของน้องเอ ซึ่งมีถนนในหมู่บ้านกว่าประมาณ 3 เมตรกั้น ปรากฏว่าพบเด็กชายเอกำลังนอนหลับห่มผ้าห่มอยู่ในมุ้งครอบ จึงได้ปลุกและสอบถามเรื่องราว

...

เด็กชายเอ เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ตนหนีออกจากบ้านเพราะน้อยใจที่แม่ยึดโทรศัพท์และกลัวแม่จะด่าที่ตนไม่อ่านหนังสือ จึงได้เขียนจดหมายหนีออกจากบ้าน จากนั้นก็หอบเครื่องนอนทั้งมุ้งครอบ ผ้าห่ม หมอนข้าง หลบมาอยู่บ้านลุงที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของตนเอง โดยกำชับไม่ให้ลุงบอกกับใครๆ กระทั่งผู้ใหญ่มาพบในเช้าของวันต่อมา

ด้านนายมนูญ อินเหลือง เปิดเผยว่า จากการคุยกับแม่ของเด็กชายเอ ทราบว่าครอบครัวนี้อยู่กัน 3 คนคือ เด็กชายเอ แม่ และยาย มีฐานะค่อนข้างยากจน โดยที่แม่ของเด็กชายเอ ทำงานรับจ้างทั่วไปเพียงคนเดียว เมื่อหลายปีก่อนแม่เคยต่อว่า เคยตีลูกชายจริง แต่ปัจจุบันไม่ได้ตีแล้ว เพียงแต่ดุด่าเป็นบางครั้งเนื่องจากเด็กชายเอติดโทรศัพท์ เล่นแต่เกม จึงได้ว่ากล่าว และแม่ได้เก็บโทรศัพท์ไว้เพื่อให้ลูกชายได้อ่านหนังสือและจะให้เล่นเกมเป็นเวลา จึงทำให้เด็กชายเอเกิดความน้อยใจประกอบกับไม่ได้อ่านหนังสือและกลัวว่าแม่จะต่อว่า จึงได้เขียนจดหมายหนีออกจากบ้าน

ซึ่งตนก็ได้ว่ากล่าวและสั่งสอนเด็กชายเอว่า สาเหตุที่แม่ทำอย่างนั้นเพราะแม่ต้องการให้ได้ดี อีกอย่างต้องสงสารแม่เพราะแม่ทำงานทั้งวันเพื่อหาเงินมาเลี้ยงทั้งยายและเด็กชายเอ ซึ่งเด็กชายเอก็รับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว.

ข้อมูลจาก ข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์