สรุปดราม่า "อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง" แปะสติกเกอร์แฟนเพจบนเสากั้นเขต "ภูเขาฟูจิ" ทำเอาโซเชียลคอมเมนต์สนั่น จนเจ้าตัวต้องออกมาชี้แจง แต่ล่าสุดปิดเพจไปแล้ว

กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊กท่องเที่ยว ได้เผยภาพโมเมนต์สุดโรแมนติก ขณะที่แฟนหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานบนยอดเขาฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงาม พร้อมแคปชั่นสุดซึ้งว่า "เป็นภูเขาลูกแรกที่สูงที่สุดในชีวิตและเป็นภูเขาลูกแรกที่น้ำตาแต่มีความสุขที่สุดในชีวิต"

ทั้งนี้ยังได้โพสต์ภาพแชตข้อความ ขณะที่ลูกเพจทักอินบ็อกซ์มาชื่นชม โดยในภาพดังกล่าวมีสติกเกอร์เพจดังกล่าวติดไว้บนเสากั้นเขตภูเขาฟูจิ พร้อมระบุว่า "สวัสดีค่ะ พึ่งลงมาจากฟูจิซังวันนี้ กำลังถ่ายรูปเสาโทริ แล้วไปเห็นสติกเกอร์พอดีค่ะ คูลมาก" ซึ่งเจ้าของเพจได้ตอบกลับว่า "ทางนี้ พลอยปวดขามากค่ะ ขอบพระคุณนะคะที่ถ่ายมาสวยมากๆๆๆๆ"

แต่ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ มีคนเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างมองว่าการกระทำดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสม อาจเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวไทยให้ดูแย่ลง

ต่อมาทางเจ้าของเพจดังกล่าวได้ชี้แจงว่า "ขออนุญาตเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นพื้นที่ที่เขาสามารถติดได้ และไม่ใช่พลอยติดคนเดียว ท่านอื่นๆ ขอติดได้ ลองขึ้นไปถึงจุดติด พอครบ 1 ปีจะแกะออกตามปกติ ขอบคุณและน้อมรับ"

ขณะที่แฟนเพจ เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน ก็ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า "ทีมงานเราที่ญี่ปุ่นบอกว่า ถ้าเป็นข่าวแล้วทางญี่ปุ่นทราบเรื่อง ถ้ามีคนแจ้งชื่อนามสกุลผู้กระทำให้เจ้าหน้าที่ เขาอาจจะส่งต่อให้ ตม. เก็บไว้พิจารณาในการอนุมัติเข้าประเทศในเวลาต่อไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่จะพิจารณาเป็นกรณีไป ไม่ว่าจะเดินทางแบบคนเดียวหรือเดินทางเป็นหมู่คณะ ซึ่งมีคนไทยในญี่ปุ่นโพสต์ลงโซเชียลบ้างแล้ว แต่ยังไม่เป็นข่าว 

...

ที่ทีมงานอธิบายให้ฟัง เขาบอกว่ามันต้องแยกก่อนว่าเป็นลักษณะไหน ถ้าเอาสติกเกอร์โลโก้ ยี่ห้อดารานักร้อง เช่น สติกเกอร์ supreme ไปแปะ อันนั้นมันจะเข้าโหมด ทำให้สกปรกก็เป็นโทษปรับกันไป แต่โทษมันต่างกันที่ชนิดป้าย และจุดประสงค์ เพราะถ้าเป็นป้ายโปรโมต กิจการ กลุ่ม สโมสร ซึ่งมีลักษณะทางการค้า แล้วมันจะยกระดับขึ้นไปอีก เขามองต่างกัน เพราะว่าสติกเกอร์โลโก้ยี่ห้อต่างๆ อาจจะติดเพราะความสนุกสนานคึกคะนอง แต่รูปที่ตั้งใจทำมาจากบ้าน มาเพื่อติดสถานที่เพื่อโปรโมต มันคือการโฆษณาเพื่อหวังผลทางตรงหรือทางอ้อม และยิ่งถ่ายภาพดังกล่าวไปลงโซเชียลสามารถต่อยอดทางธุรกิจต่างๆ ได้

ถ้าไม่กำหนดบทลงโทษหรือแนวทางรับมือก็จะมีเจ้าของเพจเจ้าของกลุ่มจากทั่วโลกมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็แปะสติกเกอร์โปรโมตช่องของตัวเอง เพจของตัวเองและกิจการของตัวเองไม่มีวันหมด นี่คือประเด็นที่ทางญี่ปุ่นให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขึ้นในช่วงหลัง"

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันที่ 15 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โพสต์ดังกล่าวถูกลบออกไปแล้ว ส่วนแฟนเพจเฟซบุ๊กท่องเที่ยวดังกล่าวก็ปิดไปแล้วด้วยเช่นกัน หากแฟนเพจเฟซบุ๊กท่องเที่ยวดังกล่าวมีการชี้แจง จะรายงานให้ทราบต่อไป.