เปิดใจหนุ่มพลเมืองดี รีบวิ่งไปช่วยลุงประสบอุบัติเหตุ รถล้มกลางถนน โดยไม่ทันได้สวม "รองเท้า" จนโซเชียลพากันชื่นชม
จากรณีที่ เพจเฟซบุ๊ก "คนข่าวบางปะกง" ได้โพสต์คลิปภาพชายพลเมืองดี รีบไปช่วยลุงที่เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มอยู่บนถนน โดยที่ไม่ทันสวมรองเท้า พร้อมระบุข้อความว่า "ใจพี่หล่อมาก หนุ่มกำลังขับรถเข้าตัวเมืองแปดริ้ว เห็นชายสูงอายุขี่รถจักรยานยนต์ล้มลงกลางถนน ช่วงบริเวณก่อนขึ้นสะพานขาเข้าเมืองฉะเชิงเทรา จึงรีบจอดรถขวางและลงไปช่วย โดยก่อนหน้านี้ เห็นภาพกับตาลุงเกือบถูกรถปูนชน ก่อนจะพาลุงเข้าข้างทางประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรามาช่วยเหลือลุง"
ทำให้หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมหนุ่มพลเมืองดีเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดวันที่ 19 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้เจอกับชายพลเมืองดีคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ นาย ธนพล เกิดสว่าง หรือ ต๊ะ อายุ 30 ปี เจ้าของร้านขายชั้นวางสินค้าอเนกประสงค์ ริมถนนสุวินทวงศ์ โดยเปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนเองขับรถออกจากร้าน กำลังจะไปบ้านที่อำเภอบางคล้า
...
เมื่อขับรถมาตามถนนสุวินทวงศ์ ก่อนขึ้นสะพานต่างระดับเกษมราษฎร์ ตนเองเห็นไม้หนุนล้อของรถเทรลเลอร์ ที่ขับนำหน้ารถปูนหล่นลงมา เป็นจังหวะที่คุณลุงกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์แซงรถปูน ทำให้ลุงชนเข้ากับขอนไม้ที่หล่นมาก่อนหน้านี้ จนรถของคุณลุงล้มลง และเกือบถูกรถปูนที่คุณลุงพยายามแซงทับ โชคดีที่รถปูนโยกหลบทันไปอย่างเฉียดฉิว
ตอนนั้นตนเองคิดอย่างเดียวว่าต้องลงไปช่วยลุง จึงไม่ได้ทันใส่รองเท้า แต่ก็มองรถด้านหลังว่ามีความปลอดภัยกับตนเองหรือไม่ สิ่งที่เห็นในตอนนั้น คือรถบรรทุกที่ขับตามหลังรถตน ก็ได้ชะลอรถ เปิดไฟขอทางบังถนนไว้ 1 เลน ตนเองจึงรีบวิ่งไปประคองลุงที่นั่งอยู่กลางถนนขึ้นมา และจังหวะนั้นก็มีพลเมืองดีคนอื่นที่จอดรถ และวิ่งลงมาช่วยยกรถจักรยานยนต์ของคุณลุงแอบเข้าข้างทาง
นายธนพล เล่าต่ออีกว่า หลังจากประคองลุงเข้าข้างทางแล้ว สังเกตเห็นเข่าขวาของลุงปูด และบวมมาก แต่ลุงไม่อยากจะไปโรงพยาบาล ตนเองเห็นว่าหากปล่อยลุงไปแบบนี้ ลุงอาจจะได้รับอันตรายได้ จึงโทรศัพท์ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา ให้เข้ามาช่วยเหลือนำลุงส่งโรงพยาบาลต่อไป
ส่วนกระแสที่มีเพจนำเรื่องราวของตนเองไปลงนั้น และได้รับคำชมจากชาวโซเชียล ตนเองก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคน ทำความดี และจะเป็นพลังบวกที่จะทำให้ช่วยเหลือสังคมและทำความดีต่อไป.
ขอบคุณข้อมูล เพจเฟซบุ๊ก "คนข่าวบางปะกง"