ชื่นชม "บังหมาด" หนุ่มพิการวัย 37 ปี มีน้ำใจช่วยเหลือสังคม ทำหน้าที่ดูแล-ช่วยงานโรงเรียน เป็นเวลากว่า 17 ปี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

วันที่ 2 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์ ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล ทุกๆ เช้าตรู่สิ่งที่คุณครู นักเรียนได้เห็นเป็นประจำจนชิน คือภาพของหนุ่มพิการคนหนึ่ง เดินเปิดประตูห้องเรียนทุกชั้น และใช้รถเข็นเดินเก็บขยะทุกที่ที่มีอยู่ในโรงเรียน

จากการสอบถามคุณครูและนักเรียน ทราบว่า หนุ่มพิการดังกล่าวชื่อ นายมูฮัมหมาด บุญเหม หรือที่นักเรียนเรียกกันว่า บังหมาด ซึ่งเป็นหนุ่มพิการทางร่างกาย ที่มีบ้านอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียน ทุกๆ วัน บังหมาดจะเข้ามาในโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ และช่วยทำงานทุกอย่างของโรงเรียน เปรียบเสมือนเป็นภารโรงประจำ แต่ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสิ่งตอบแทนใดๆ ทำด้วยใจที่เป็นจิตอาสา

...

นายพนมไพร วงษ์คลองเขื่อน ผอ.โรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์ กล่าวว่า ตนเองเข้ามารับตำแหน่ง เมื่อปลายปี 2562 ก็ได้เห็นน้องหมาดหนุ่มพิการคนนี้ มาช่วยเหลือโรงเรียนอยู่แล้ว สอบถามไปยังคุณครูที่สอน ทราบว่าน้องหมาดมาดูแลช่วยเหลือโรงเรียนแบบจิตอาสาอยู่หลายปีแล้ว

ต่อมาก็ได้สังเกตว่าน้องหมาดมีจิตใจดี ขยัน ทำทุกอย่างที่ทำได้ มาโรงเรียนตั้งแต่ 6 โมงเช้าเปิดประตูห้องเรียนอาคารเรียนต่างๆ จากนั้นก็เก็บขยะในโรงเรียน โดยทำแบบนี้ทุกวัน ทั้งวัน บางทีโรงเรียนมีงานกิจกรรมต่างๆ น้องหมาดก็เข้ามาช่วยเหลือ เรื่องจัดเตรียมสถานที่ เสร็จงานก็จะช่วยเก็บกวาดเรียบร้อย โดยที่ไม่มีใครใช้และบังคับ ทุกอย่างทำด้วยใจที่เป็นจิตอาสาเต็มร้อย จนตอนนี้น้องหมาดเปรียบเสมือนบุคลากรคนหนึ่งของโรงเรียน

นักเรียนทุกคนเห็นใจ และยังให้ความเคารพ มีการหยิบยื่นแบ่งปันซึ่งกันและกัน และที่สำคัญน้องหมาดยังเป็นตัวอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนหลายๆ คน ได้เห็นในการทำความดีที่ไม่หวังผลตอบแทน ตนเห็นว่าน้องเขาช่วยโรงเรียนมานานแล้ว จึงคุยกับครูในโรงเรียน ตกลงร่วมกันว่าจะจัดงบของโรงเรียนเป็นค่าตอบแทน เหมือนผู้ช่วยภารโรง โดยมอบเงินตอบแทนให้น้องหมาด เดือนละ 3,000 บาท โดยเริ่มจ่ายค่าจ้าง ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เพื่อให้เขาได้เป็นทุนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเป็นกำลังใจให้เขาได้ทำความดีต่อไป

ด้าน นางสาวสะออล๊ะ บูเก็ม แม่ของบังหมาด กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน น้องหมาดเป็นคนที่ 2 มี อายุ 37 ปี พิการด้านสติปัญญามาตั้งแต่เกิด เนื่องจากเขามีอาการชักตั้งแต่แรกคลอด จนทำให้ร่างกายเดินเหินไม่สะดวก มือแข็ง คอแข็ง พูดไม่ได้เพราะลิ้นไก่สั้น ตั้งแต่เขาเริ่มโต เขาก็จะเริ่มช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ ไม่ว่าใครทำอะไรเขาก็ไม่นิ่งดูดาย เขาช่วยเหลือตลอด จนเป็นที่รักของชาวบ้านในพื้นที่

จุดเริ่มต้นที่เขาเข้าไปช่วยเหลือดูแลโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนอยู่ห่างจากบ้าน ประมาณ 500 เมตร เมื่อก่อนเขาจะตามภารโรงของโรงเรียนที่อยู่ใกล้กับบ้าน เพื่อตามไปช่วยงานที่โรงเรียน จนกระทั่งภารโรงดังกล่าวเกษียณอายุไปแล้ว แต่น้องหมาดก็ยังคงไปช่วยเหลือโรงเรียนต่อ ทำแบบนี้มาตลอดเป็นเวลา 17 ปีแล้วโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จนเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้มีเงินตอบแทนให้น้องหมาด จำนวน 3,000 บาท เงินที่ได้ส่วนหนึ่ง เขาก็นำมาแบ่งให้แม่ อีกส่วนเขาก็เก็บไว้เอง

นางสาวสะออล๊ะ กล่าวต่ออีกว่า บางทีตนเองก็สงสารลูก เพราะเห็นว่าลูกเหนื่อย อยากให้ลูกได้พัก แต่ทุกวันนี้ก็เห็นเขามีความสุข มีรอยยิ้มก็เลยไม่บังคับ และถือว่าการทำงานจิตอาสาช่วยเหลือสังคมเป็นสิ่งที่ดี ทุกวันนี้ตนภูมิใจกับลูกชายคนนี้มาก ถึงแม้เขาจะเป็นผู้พิการ แต่เขาก็ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ครอบครัวเลย แถมยังเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย.