บ่ายสามพรุ่งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานประชุม ก.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่ได้ลงนามในคำสั่งให้คู่ขัดแย้งในคดีรับเงินเว็บการพนันออนไลน์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งหน้าที่เดิม แต่ยังไม่มีใครเห็นคำสั่ง มีแต่คำถามดังๆจากประชาชนคนไทยทุกคนว่า เรื่องอื้อฉาวของนายตำรวจใหญ่ผู้บริหารระดับสูงจะจบลงง่ายๆแบบมวยล้มต้มคนดูแบบนี้หรือ
ผมเชื่อว่า พระสยามเทวาธิราช คงไม่ยอมแน่นอน เพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง เสียหายต่อตำรวจและกระบวนการยุติธรรมของไทยทั้งระบบ
เรื่องสำคัญที่ นายกฯเศรษฐา ในฐานะ ประธาน ก.ตร. ต้องพิจารณาตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ก็คือ ผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการวินัยฯ เรื่องให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจะมีการพิจารณาด้วยว่า ก.ตร.จะมีมติให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับเข้ารับราชการตามคำสั่งนายกฯหรือไม่ การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานที่ นายกฯเศรษฐา ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ให้ความเห็นถึง “ฉากทัศน์” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุม ก.ตร.นัดนี้ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร. จะแก้ไขคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. กลับเข้ารับราชการ หรือ ก.ตร.วินิจฉัยสั่งการให้ ผบ.ตร.กลับคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับเข้ารับราชการ ซึ่งเสี่ยงที่ ก.ตร.จะถูกกล่าวโทษว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
พล.ต.อ.เอก เปิดเผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้ 17 มิ.ย. คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. เป็นประธาน มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการนั้นชอบแล้ว โดยไม่รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา เนื่องจากมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดว่า ข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา มิได้มีผลให้หน่วยงานต้องปฏิบัติ
...
เมื่อ อนุกรรมการ ก.ตร.วินัยฯ เสนอต่อที่ประชุม ก.ตร. ปกติที่ประชุม ก.ตร.จะรับทราบตามนั้น เพราะฉะนั้น ถ้า ก.ตร.จะมีคำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กลับมารับราชการ ก็จะมีความเสี่ยง ถ้ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ จึงควรรอการพิจารณาของ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) อีกชุดเสียก่อน จึงจะปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ ดร.วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ เนติบริกรผู้เชี่ยวชาญการมองเห็นจุดอ่อนช่องว่างของกฎหมาย ได้แถลงผลการสอบสวนว่า มีสาระสำคัญ 5 ประเด็น อาทิ มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่าง เจ้าหน้าที่ระดับสูง ระดับกลาง ระดับเล็ก ทุกระดับทุกฝ่าย เรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันกับบุคคล 2 คนคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งผลให้ทีมงานขัดแย้งไปด้วย มีคดีสำคัญที่เกี่ยวพันกับบุคคลเหล่านี้ อาทิ คดี 140 ล้านบาท หรือ “คดีเป้รักผู้การเท่าไหร่” และ “คดีกำนันนก” รวมถึง “คดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ มินนี่ และ BNK MASTER” และคดีแยกย่อยอื่นๆอีก 10 คดี
ดร.วิษณุ สรุปว่า ผลสอบชี้ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ควรกลับไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่เดิม ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้รับคำสั่งให้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเมื่อ 18 เม.ย.ในตำแหน่งหน้าที่เดิม สถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขณะนี้คือ ยังอยู่ระหว่างรอนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งต้องตรวจสอบให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย ดร.วิษณุ ย้ำว่า ผลสอบไม่ได้ชี้ผิดชี้ถูก ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังมีสิทธิเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. หากผลสอบชี้ว่ายังดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.
ถ้าวันพรุ่งนี้ มติ ก.ตร.เห็นว่าไม่มีใครผิด บิ๊กต่อ บิ๊กโจ๊ก ยังเป็น ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร.ต่อไปในหน้าที่เดิม กระบวนการยุติธรรมไทยจะเป็นอย่างไร นักลงทุนต่างชาติจะเชื่อถือระบบยุติธรรมไทยหรือไม่ แล้วเราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง สำนึกกันบ้างเถิดครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม