ฟังอีกมุม แจงดราม่าช่างสักลายโพสต์น้อยใจโดนห้ามไม่ให้เข้าหอชมเมือง ด้าน รปภ. ยืนยันไม่ได้อคติคนมีรอยสัก วอนสังคมเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่
วันที่ 22 พ.ค. 2567 มีรายงานว่า จากกระแสดราม่าหนุ่มช่างสักอัดคลิปวิดีโอลงโซเชียล อ้างว่าเจ้าหน้าที่ รปภ.หญิงได้เข้ามาสอบถามตนเอง คล้ายกับรังเกียจ และอคติกับคนมีรอยสักบนใบหน้า ขณะที่ตนเองพาครอบครัว แม่และน้องสาวไปเที่ยวงานบริเวณหอชมเมือง หลังข่าวออกไป มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกันจำนวนมากนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย และหอชมเมืองสมุทรปราการ เพื่อสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ รปภ.
เมื่อไปถึงพบ นายสมรักษ์ สร้อยทอง หัวหน้า รปภ. ซึ่งทำหน้าที่อยู่ภายในหอชมเมืองได้ออกมาให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ รปภ.หญิงที่ตกเป็นข่าวนั้น ทำงานอยู่ที่นี่จริง คือนางสุภี อายุ 57 ปี แต่จะเดินทางมาเข้างานในช่วง 17.00 น.
จากนั้น นายสมรักษ์ ได้พาผู้สื่อข่าวเดินสำรวจบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ทราบว่าอยู่บริเวณประตูทางเข้า นายสมรักษ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองมองว่าอาจจะเป็นการสื่อสารเข้าใจผิดกันมากกว่า วันเกิดเหตุคนค่อนข้างเยอะจริง เนื่องจากวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา มีงานจำหน่ายอาหารและเสื้อผ้า จึงทำให้คนมาเที่ยวมากกว่าปกติ แต่ด้วยหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และรักษาความปลอดภัยคนที่มาที่หอชมเมืองจึงได้มีการเข้าไปสอบถามคนที่เข้ามาเที่ยวตามปกติทั่วไป แต่ยืนยันว่าไม่มีนโยบายห้ามให้ใครเข้าแต่อย่างใด และอยากให้สังคมเข้าใจทางคุณป้าด้วย เพราะทุกวันนี้ พวกตนก็ถูกสังคมมองในแง่ลบแล้ว
...
นางสุภี กล่าวว่า วันเกิดเหตุช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าหอชมเมือง พบชายคนดังกล่าวเดินมาที่หอชมเมือง มีท่าทีแปลกๆ ไม่ได้อคติกับรอยสักแต่อย่างใด จากนั้นจึงได้เข้าไปสอบถามว่า จะไปไหนคะคุณ แต่ทางชายคนดังกล่าวก็ไม่ได้พูดอะไร กระทั่งผู้เป็นแม่เดินตามเข้ามา จึงบอกว่าจะเข้าไปหอชมเมือง ขณะนั้นตนเองก็ยังคุยกับผู้เป็นแม่ว่า จะขึ้นไปหอชมเมืองเหรอคะ เข้าไปได้เลยเพราะยังเปิดอยู่ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นชายคนดังกล่าวพูดขึ้นมาว่า ไม่ต้องเข้าไปหรอกแม่ เขาไม่ให้เราเข้า ก็ไม่ต้องเข้า ที่เที่ยวมีเยอะแยะ ตนยืนยันว่าไม่ได้ใช้น้ำเสียงไม่ดีแต่อย่างใด
ต่อมาได้มีคนเข้ามาสอบถามตนเองว่า ห้องน้ำอยู่ที่ไหน ตนจึงได้บอกว่าอยู่ข้างใน และพูดกับคนที่มาถามว่า คนเยอะหน่อยนะ ไม่รู้จะได้เข้าหรือเปล่า ซึ่งคำนี้ตนเองไม่ได้คุยกับชายคนดังกล่าวแต่อย่างใด ตนเองไม่เคยรังเกียจคนที่มีรอยสัก ตนก็หน้าตาแบบนี้ จะไปรังเกียจเขาทำไม
ตนเองก็เคยทำอาชีพร้อยมาลัยขาย ก่อนจะเปลี่ยนอาชีพมาเป็น รปภ.ได้ 2 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ทำอาชีพนี้มา ตนเองก็ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ไม่เคยอคติกับใคร ทั้งคนสักและไม่ได้สัก แต่ด้วยบุคลิกของเขาแปลกกว่าคนอื่น ตนเองก็ต้องเข้าไปถามตามหน้าที่อยู่แล้ว อยากให้สังคมมองในมุมของ รปภ.ด้วย ตนเสียใจมากที่ทำดีแต่สังคมกลับมาตัดสินตนเองทั้งที่ทำดีมาตลอด.