"กรมการแพทย์" เตือน ปัสสาวะปนเลือดสดหรือมีสีน้ำตาลคล้ำ ปัสสาวะปนลิ่มเลือด ปัสสาวะไม่ออก สัญญาณอันตราย ควรรีบพบแพทย์เพื่อค้นหาความผิดปกติ เพราะอาจเสี่ยงป่วย "มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ"

วันที่ 17 พ.ค. 2567 นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัสสาวะเป็นเลือด คือการที่มีเม็ดเลือดแดงปนมากับปัสสาวะ ถ้าเลือดมีปริมาณมากพอจะสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ อาจมีลักษณะเป็นเลือดสด สีน้ำตาลคล้ำ สีแดงจางคล้ายน้ำล้างเนื้อ หรือเป็นลิ่มเลือด โดยเฉพาะลิ่มเลือดถ้าเกิดในปริมาณมากจะนำไปสู่การอุดตันของท่อปัสสาวะทำให้ปัสสาวะไม่ออกได้ 

ถ้ากรณีเลือดที่ออกมามีปริมาณเพียงเล็กน้อย มักจะพบปัสสาวะมีสีเหลืองใสปกติ ต่อเมื่อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการจึงจะพบเม็ดเลือดแดงที่อาจปนมาในปัสสาวะเป็นจำนวนที่มากเกินค่าปกติ ซึ่งกรณีนี้มักตรวจพบเจอจากการตรวจสุขภาพประจำปีโดยอาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ได้ 

ส่วนสาเหตุของการมีเลือดออกในปัสสาวะนี้ สามารถพบได้ตั้งแต่โรคนิ่วในระบบปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ ต่อมลูกหมากโต การบาดเจ็บของอวัยวะในระบบปัสสาวะ ภาวะเลือดออกง่าย จนไปถึงมะเร็งในระบบปัสสาวะ ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 20 ของผู้ที่ปัสสาวะเป็นเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วยก็จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะพบมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากยิ่งขึ้น 

กรณีที่ปัสสาวะเป็นเลือดควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการนำปัสสาวะไปตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ หากพบเม็ดเลือดแดงมากกว่า 3 ตัวจะเป็นการยืนยันว่ามีภาวะเลือดออกในปัสสาวะจริง จากนั้นจะมีการตรวจวินิจฉัยเพื่อตรวจดูทางเดินปัสสาวะส่วนบน ได้แก่ ไตและท่อไต ด้วยเอกซเรย์ระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน ร่วมกับการส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) เพื่อตรวจดูเยื่อบุบริเวณทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ได้แก่ กระเพาะปัสสาวะ หากมีมะเร็งกระเพาะปัสสาวะก็จะสามารถตรวจพบก้อนเนื้อจากการส่องกล้องดังกล่าว ในกรณีพบก้อนเนื้อบริเวณเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะแพทย์จะทำการเก็บชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยาว่ามีลักษณะเป็นมะเร็งหรือไม่  

...

ทางด้าน นายแพทย์พร้อมวงศ์ งามวุฒิวงศ์ ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพบว่ามีมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาโดยวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับความลึกของมะเร็งว่าลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหรือไม่ โดยถ้ามะเร็งยังอยู่ภายในชั้นเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ กล่าวคือยังไม่ลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ การรักษาคือการผ่าตัดผ่านทางกล้องส่องกระเพาะปัสสาวะเพื่อตัดก้อนมะเร็งของจากเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ (TUR-BT : Transurethral Resection of Bladder Tumor) ซึ่งการผ่าตัดดังกล่าวจะทำการผ่าตัดผ่านกล้องโดยใส่อุปกรณ์ผ่านทางท่อปัสสาวะ ทำให้ไม่มีแผลหลังผ่าตัด และอาศัยการพักรักษาที่โรงพยาบาลค่อนข้างสั้น หลังผ่าตัดผู้ป่วยยังสามารถปัสสาวะทางท่อปัสสาวะปกติได้ 

แต่ถ้ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างและลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ การรักษาจะเป็นการผ่าตัดเพื่อเอากระเพาะปัสสาวะและต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียงออก ร่วมกับการทำช่องปัสสาวะเทียมทางหน้าท้องแบบถาวร หรือการนำลำไส้มาทำเป็นกระเพาะปัสสาวะเทียม นอกจากนี้การได้รับการรักษาร่วมได้แก่ การใส่ยาเคมีบำบัดในกระเพาะปัสสาวะ การใส่วัคซีนเชื้อวัณโรคชนิดเชื้อเป็นในกระเพาะปัสสาวะ การให้เคมีบำบัดทางเส้นเลือด การฉายแสง ก็มีบทบาทในลดอัตราการเกิดเป็นโรคซ้ำ และเพิ่มโอกาสการหายของโรคได้

สำหรับผู้ที่ยังไม่พบสาเหตุของการมีเลือดปนในปัสสาวะจากการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น แพทย์จะมีการนัดตรวจปัสสาวะเพื่อติดตามเป็นระยะ หากพบว่ามีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น หรือยังมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดเป็นๆ หายๆ อาจจะต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เช่น มีประวัติสูบบุหรี่ หรือมีการสัมผัสสารเคมีเป็นประจำ เป็นต้น

การพบเลือดในปัสสาวะ อาจเป็นภาวะที่นำไปสู่โรคร้ายเช่นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ แต่ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ ฉะนั้นการรีบมาพบแพทย์หากอาการผิดปกติ รวมถึงการหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง งดการสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ อาหารหรือเนื้อสัตว์แปรรูป หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส จะทำให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งร้าย และมีสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง

ทั้งนี้ หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้เพิ่มเติม ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทางเว็บไซต์ส่งเสริมความรอบรู้สู้ภัยมะเร็ง https://allaboutcancer.nci.go.th/ Facebook: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute และ  Line : NCI รู้สู้มะเร็ง