อ.เจษฎา เตือน "ทุเรียนขึ้นรา" ตัดทิ้งแล้วนำส่วนที่เหลือมารับประทานไม่ได้ เสี่ยงได้รับสารพิษจากเชื้อรา แนะควรทิ้งทั้งหมด


วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 มีรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพทุเรียนที่สั่งจากร้านแห่งหนึ่งทางออนไลน์ลงในกลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค โดยระบุข้อความว่า "แบบนี้บ่นได้ไหมคะ ซื้อทุเรียนจากร้านนึง สภาพมาแตกทั้งลูก และขึ้นรา ทางร้านจะให้เราตัดเฉพาะส่วนที่ราขึ้นและกิน เราบอกรามันลาม สุดท้าย เราส่งกลับทางร้าน โดยค่าส่งกลับลูกค้ารับผิดชอบเอง และเรายังคิดว่าไม่ได้อยากได้เงิน อยากเปลี่ยนลูกใหม่ เพิ่มเงินเอา 

สรุปซื้อทั้งหมด 333 บาท รวมค่าส่งแล้ว ถ้าเคลมคืนจะได้คืนแค่ค่าทุเรียน ค่าส่งมาและส่งกลับลูกค่ารับผิดชอบเอง สรุปกินก็ไม่ได้กิน อยู่ๆ ต้องมาเสียค่าส่งไปกลับเอง ขอบ่นๆๆๆๆๆ หน่อยนะคะ" ทำให้ต่อมามีการถกเถียงกันว่า ทุเรียนขึ้นราสามารถตัดทิ้งแล้วนำส่วนที่เหลือมารับประทานได้หรือไม่ 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ว่า "ไม่ได้นะครับ ถ้าเป็นผลไม้เนื้อนุ่ม แล้วเห็นเชื้อราขึ้น แสดงว่าเส้นใยของเชื้อรามันแพร่ไปด้านในของเนื้อผลไม้แล้ว (ซึ่งเราจะมองไม่เห็น) และสร้างอับสปอร์ขึ้นมาด้านบน (เราจึงมองเห็นได้) ถ้าตัดทิ้งแล้วกินที่เหลือ จะเสี่ยงอันตรายจากการได้รับสารพิษจากเชื้อรา จึงควรทิ้งทั้งหมดครับ"

แถมด้วยข้อมูล "คำแนะนำ ของกระทรวงการเกษตร ประเทศสหรัฐอเมริกา (USDA) เกี่ยวกับอาหารที่ขึ้นรา" มาให้อ่านกัน

...

- การทานอาหารขึ้นรา ควรหลีกเลี่ยง เพราะไม่คุ้มต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หากรู้สึกไม่ดี หลังทานอาหารที่อาจหมดอายุและมีเชื้อราขึ้นควรไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

- เมื่อเห็นว่าอาหารขึ้นรา ห้ามดมกลิ่น เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางหายใจ

- การกำจัดอาหารขึ้นรานั้น ควรนำใส่ถุงพลาสติกให้มิดชิด ก่อนที่จะนำใส่ถังขยะ เพื่อป้องกันการกระจายตัวของเชื้อรา

- ทำความสะอาดให้รอบบริเวณที่อาหารขึ้นรา และตรวจสอบอาหารและสิ่งของใกล้เคียงให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อราตกค้าง.