ผอ.สำนักพุทธ เผยเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณี "น้องไนซ์" เชื่อมจิต รับยังไม่มีผู้เสียหายจากการซื้อคอร์สมาแจ้งความเอาผิด แต่เชื่อ ดำเนินการตามกฎหมายได้ แจงภาพพระสงฆ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง

จากกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว จี้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดการกับลัทธิเชื่อมจิต ซึ่งมีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้อยู่ แต่หากเพิกเฉย จะได้ออกมาบอกให้ วันที่ 26 เม.ย. 67 นี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

กระทั่งล่าสุด นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ พม. ลงไปตรวจสอบโดยด่วน เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้ จะต้องตรวจสอบกับผู้ปกครองด้วยว่า มีการป้อนข้อมูลที่ผิดให้กับลูกหรือไม่ เพราะลำพังเด็กที่มีอายุยังน้อยน่าจะยังไม่มีการนึกคิดไตร่ตรองอะไรได้มาก รวมถึงตรวจสอบว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเพื่อหวังหาประโยชน์จากน้องไนซ์หรือไม่

ล่าสุด วันนี้ (24 เม.ย. 67) นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินทางมาบรรยายเรื่อง "แนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐสร้างสุข ระยะที่ 2" ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ วัดเขียนเขต พระอารามหลวง ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

โดย นายอินทพร เผยว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอขอบคุณทางทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ซึ่งหากท่านมีอะไรจะแนะนำในการดำเนินการในเรื่องนี้ ก็ถือว่าท่านมีส่วนร่วมในฐานะมูลนิธิกองทัพธรรม โดยในส่วนของทางราชการนั้น ตนได้สั่งการตามคำสั่งของนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ พศจ. ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับ พมจ. และเจ้าหน้าที่ตํารวจ ทำงานร่วมกัน โดยตนเองจะลงพื้นที่ตรวจสอบในไม่กี่วันนี้ เนื่องจากมีผู้คนที่เข้าไปอยู่เชื่อมจิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลักธรรมและรับคำสอนที่อาจจะผิดเพี้ยนไป

...

เรื่องนี้ ทางสำนักพุทธนั้น ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอน ทางเราก็ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่า หากเป็นเด็กที่ไม่ใช้พระภิกษุสามเณร จะสามารถเข้าไปดำเนินการกับเด็กและผู้ปกครองได้หรือไม่

ในข้อกฎหมายนั้น เรื่องการลบหลู่ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ตลอดจนการก่อความวุ่นวายในที่ประชุม และการแต่งกายเรียนแบบสงฆ์ องค์ประกอบยังไปไม่ถึง เพราะไม่มีผู้เสียหายที่ซื้อคอร์สแล้วมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเราก็หาอยู่ เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะมีช่องทางในการดำเนินคดีทางกฎหมายได้

จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทางสำนักพุทธเอง ได้มีการเข้าไปดำเนินการในเรื่องของพระสงฆ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องสองครั้ง โดยครั้งแรกที่มีภาพพระสงฆ์ปรากฏในโรงแรมที่มีการเชื่อมจิต ซึ่งจากการตรวจสอบพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้มีการแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้องเพียงแต่รับนิมนต์ไปรับสังฆทานเพียงเท่านั้น ในส่วนพระสงฆ์อีกรูป ที่ปรากฏคลิปไปกราบน้องนั้น ทางเราก็ได้แจ้งไปที่พระผู้ปกครอง ดำเนินการซึ่งพระสงฆ์รูปดังกล่าวก็ยอมรับว่าใช่ท่าน ทางพระผู้ปกครองจึงได้ให้ท่านออกจากวัดไปจำพรรษาที่อื่นแล้ว

ส่วนความเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กเพจ "นิรมิตเทวาจุติ" นั้น พบว่า ยังมีการสอนธรรมตามปกติ ไม่ได้มีการหยุดการเคลื่อนไหวใดๆ โดยมีผู้ที่ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจตลอดเวลา.