กระแสร้อนทะลุแดด...ผู้บริหารบ้านเมืองเห็นควรที่จะนำเอาการเล่นการพนันธุรกิจสีเทาใต้ดินงัดขึ้นมาบนดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย จะได้จัดเก็บภาษีรายได้จากการเปิด “บ่อนการพนัน” นำมาพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ด้วยว่านานาประเทศเขาได้ทำกันหมดแล้วเหลือเพียงแค่เรา...

กลายเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญที่ชัดเจนและรุนแรงให้กับผู้คนในสังคมไทยของเราว่าจะไปในทิศทางใด? จะสนับสนุนหรือคัดค้าน จะเห็นดีด้วยหรือไม่เห็นดีด้วย นับรวมไปถึงกระบวนการตามขั้นตอนต่างๆในการนำเสนอกฎหมายว่าจะเป็นจริงหรือไม่อย่างไร?

พระครูจินดาสุตานุวัตร (พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก) ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า เท่าที่ติดตามความคืบหน้า...สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างกฎหมายนี้ในวาระที่ 1 ผ่านไปแล้วในวันเดียวกัน ยังมีเวลาอีกยาวไกลที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันพิจารณาไตร่ตรองให้ดี

นับว่า...เป็นปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองผู้รักษากฎหมายและดูแลความสงบในสังคมได้บุกเข้าไปจับกุมนักเล่นการพนันจำนวนหลายร้อยคนในพื้นที่แห่งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ จนเรียกว่า “โคตรบ่อน” ก็ว่าได้ ยิ่งเสมือนกลายเป็นกระแสจุดชนวนกระตุ้น

...

...ให้มีการ “เปิดบ่อนเสรีหรือบ่อนการพนันให้ถูกต้องตามกฎหมาย” ขึ้นมา โดยจะเรียกชื่อต่างๆนานาให้สวยหรูตามสมัยนิยมกันในปัจจุบันก็ว่ากันไป

“อบายมุข” คือเหตุให้เกิดความฉิบหาย

อบายมุขมี 6 ชนิด...ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตรและเกียจคร้านการงาน ทั้งหมดนี้เป็นหนทางแห่งความเสื่อม เป็นหนทางแห่งความหายนะ...เป็นหนทางที่ไม่เจริญ

“เมื่อเกิดขึ้นกับบุคคลใดหรือสังคมใดแล้ว บุคคลนั้นหรือสังคมนั้นก็จะมีแต่ความล่มจม หาความเจริญมิได้ ทางที่ดีผู้คนในสังคมควรจะได้ตระหนักและช่วยกันไตร่ตรองให้มากกว่านี้ มาช่วยกันเสนอข้อคิดเห็นและความห่วงใยป้องกันมิให้สิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้นมาในครอบครัวของเราและในสังคมของเราน่าจะดีกว่าไหนๆ”

พระครูจินดาสุตานุวัตร
พระครูจินดาสุตานุวัตร

พระครูจินดาสุตานุวัตร จึงขอนำเสนอแยกแยะให้เห็นเป็น 6 ประการดังนี้ หนึ่ง...การดื่มน้ำเมา เป็นการประพฤติผิดศีลข้อที่ 5 ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการเสียสติหรือลืมสติจนตั้งอยู่ในความประมาท เป็นต้นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด ก่อการทะเลาะวิวาท เกิดการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน

เกิดการก่ออาชญากรรมทำลายชีวิตซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน หรือเพื่อนกัน

สอง...การเที่ยวกลางคืนเป็นการกระทำที่ชื่อว่า ไม่รักษาเนื้อรักษาตัว ได้ชื่อว่า ไม่รักบุตรไม่รักภรรยาของตนเอง ไม่รักษาสมบัติที่หามาได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นบุคคลที่ระแวงของคนอื่น มักถูกใส่ร้ายและใส่ความจากคนอื่น สุดท้ายก็ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก

“ถึงแม้ว่ากฎหมายที่ผ่อนผันให้เปิดบริการสถานท่องเที่ยวกลางคืนได้ขยายเวลาให้เที่ยวเตร็ดเตร่เพิ่มขึ้นมาก็ตาม บุคคลที่กระทำเช่นนี้ก็ได้ชื่อว่า...ไม่รักษาเนื้อรักษาตัว”

สาม...การเที่ยวดูการละเล่น เป็นการกระทำตามอำเภอใจจนเกินไป ชนิดรำที่ไหนก็ไปที่นั่น ขับร้องที่ไหนก็ไปที่นั่น ดีดสีตีเป่าที่ไหนก็ไปที่นั่น เถิดเทิงที่ไหนก็ไปที่นั่น มีดนตรีที่ไหนก็ไปที่นั่น จนกลายเป็นคนเจ้าสำราญตลอดเวลา ทำให้เกิดความเสียหายทางด้านอาชีพและหน้าที่การงานขาดความรับผิดชอบ

...จนมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ต่อการดำรงชีพในครอบครัวและต่อการใช้ชีวิตในสังคม ถึงแม้ว่าจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลก็ตาม แต่เมื่อปฏิบัติแต่ในทางที่ไม่ดีแล้วก็ย่อมจะมีผลกระทบต่อบุคคลอื่น

สี่...การเล่นการพนัน ข้อนี้สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน...เป็นหนึ่งในหกชนิดของหนทางแห่งความเสื่อมและความฉิบหาย เมื่อชนะก็ก่อเวรจองเวรซึ่งกันและกัน เมื่อแพ้มาก็เสียดายทรัพย์ที่เสียไปจนหาหนทางทุกด้านเพื่อให้ได้ทรัพย์คืนมา ไม่ได้เอากลับคืนมาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล

อีกประการหนึ่ง “ทรัพย์สิน” ที่มีก็หายไปจากตัวเราและครอบครัวของเรา โบราณจึงกล่าวไว้ว่า ...“ไฟไหม้สิบครั้งก็ไม่เท่ากับการเล่นการพนันเสียหายไปหนึ่งครั้ง” เพราะผีของการพนันมันได้เผาผลาญทรัพย์สมบัติไปหมดไม่เหลือ ยิ่งร้ายไปกว่านั้นก็คือการพนันมันได้เผาผลาญ “ความดีที่มีในตน” ให้หมดสิ้นไป

นอกจากนั้นคนที่ไปเกี่ยวข้องกับการพนันย่อมไม่เป็นที่เชื่อถือของคนอื่น มักถูกคนอื่นหมิ่นประมาทอยู่ตลอดว่า “ตนเองเป็นนักเลงการพนัน” ไม่มีบุคคลใดเลยที่อยากจะเป็นคู่ชีวิตด้วยเพราะไม่เป็นที่เคารพนับถือของบุคคลอื่น นับว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของตนเองไปในตัว

ห้า...การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นการนำชีวิตและชื่อเสียงของตนเองให้เป็นไปในทางที่ตกต่ำ มิตรที่เป็นคนชั่วนับตั้งแต่เป็นนักเลงการพนันดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นนักเลงเจ้าชู้ประพฤติผิดศีลข้อที่สาม เป็นนักเลงดื่มสุราของมึนเมาทุกชนิดทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เป็นนักเลงล่อลวงคนอื่นด้วยการโกหก หลอกลวงคนอื่น

คนชั่วในประเภทต่างๆเหล่านี้ มีในผู้ใดผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่า “เป็นคนไม่ดี”

หก...การเกียจคร้านการงาน เป็นบุคคลที่เป็นอันตรายอีกชนิดหนึ่ง คนประเภทนี้มักอ้างว่าหนาวนักก็ไม่ทำการงานหรือไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองที่มีอยู่ นอกจากนั้นก็มักอ้างว่าร้อนนัก ยังเช้าอยู่หรือเป็นเวลาเย็นแล้ว หิวนัก...กระหายนักแล้วไม่รับผิดชอบหน้าที่หรือไม่ทำการงาน

คนประเภทนี้จะหวังความเจริญคงไม่มี...ล้วนแต่จะนำชีวิตให้ฉิบหายหรือเสื่อมโทรมลงไป

แน่นอนว่า...การบริหารชีวิตของตนเองรวมถึงการบริหารสังคมและชาติบ้านเมือง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีหลักการที่ชัดเจน หลักการเป็นเช่นใดก็ควรดำเนินการไปเช่นนั้น แต่ถ้าคนใดไม่มีหลักการที่ชัดเจนแต่บริหารตนเอง ครอบครัว สังคมไปตามกระแสของเหตุการณ์นั้นๆ สุดท้าย...ผลร้ายก็จะติดตามมา

เพราะ “แก้ปัญหาไม่ตามกระแส” ถูกปั่นไปจนไม่มีความเป็นตัวตน ในที่สุดความหายนะก็จะติดตามตัว...ครอบครัว...สังคม ผู้ที่มีสติ... ปัญญาพึงไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าได้กลายเป็น “เสาหลักปักขี้เลน”

หลายๆท่านอาจจะกล่าวไว้ว่าการพนันมันเป็นของที่มีคู่อยู่กับคนไทยและสังคมไทยมาโดยตลอด อย่าไปดัดจริตตนเอง อย่าไปมองข้ามถึงโลกแห่งความเป็นจริง แต่อย่าลืมว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเป็น...“ชาวพุทธ” เป็น...“สยามเมืองยิ้ม” เป็น...“ชาติที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง”

ที่สำคัญ...เป็นหนึ่งในชาติอันดับต้นๆที่ผู้คนนิยมมาท่องเที่ยวของโลกเพราะ “เมืองไทยมีเสน่ห์” แต่ถ้ามีเสน่ห์เพราะมีอบายมุขครอบงำแล้ว โอกาสที่สังคมเราจะล่มจมก็มีมากขึ้น สุดท้ายก็จะกลายเป็น “เมืองที่เสื่อมโทรม” ขึ้นมาจนไม่น่าท่องเที่ยวอีกต่อไป ในที่สุด...สยามเมืองยิ้มก็จะค่อยๆล่มสลายเลือนหายไป

เสน่ห์ของเมืองไทยก็จะไม่มีให้บุตรหลานของเราได้ชื่นชมกันอีกต่อไป

อำนาจและโอกาสที่จะบริหารสังคมและชาติบ้านเมืองของอุบาสกอุบาสิกาอยู่ในมือของท่านแล้ว ขอจงใช้อำนาจและโอกาสของความเป็น “พุทธศาสนิกชน” นำเสนอข้อกฎหมายและกติกาทางสังคมให้เกิดประโยชน์ต่อชาวบ้านต่อชาวพุทธต่อทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย...สังคมไทยและชาติไทยจะได้เจริญรุ่งเรือง

พระครูจินดาสุตานุวัตรทิ้งท้ายว่า ชีวิตเราที่เกิดมานี้ จะมีอะไรให้เป็น “อนุสรณ์ที่ดี” แก่คนรุ่นหลัง ดูตัวอย่างลิงที่เมืองลพบุรีก็แล้วกัน.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม