ตำรวจสอบสวนกลาง แนะ 5 วิธีเช็กเพจปลอม ก่อนโอนจองที่พักในช่วงวันหยุดยาว สงกรานต์นี้ แย้มกลโกงมิจฉาชีพ เปิดบัญชีม้าในรูปแบบนิติบุคคล เพิ่มความน่าเชื่อถือ
วันที่ 29 มีนาคม 2567 เฟซบุ๊ก "ตำรวจสอบสวนกลาง" โพสต์ข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีเช็กเพจปลอม ก่อนโอนจองที่พัก ระบุว่า "ใกล้จะถึงช่วงวันหยุดยาวในเดือนเมษายนนี้ ใครกำลังจะจองที่พักเพื่อท่องเที่ยว พักผ่อน ต้องระวังมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวมาในรูปแบบของการสร้างเพจที่พักปลอม เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินจองที่พัก โดยจะตั้งชื่อให้เหมือนกับเพจจริง มีการคัดลอกภาพ เนื้อหา และโปรโมชันต่างๆ จากเพจจริงมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอแนะนำวิธีเช็กเพจปลอมของมิจฉาชีพ ดังนี้
1. ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อเพจมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศใด
2. ตรวจสอบรายละเอียดผู้ติดตาม เช่น เพจปลอมอาจปิดการมองเห็นยอดผู้ติดตาม หรือมีการสร้างยอดผู้ติดตามปลอมไว้ที่รายละเอียดของเพจ ซึ่งคล้ายกับจำนวนผู้ติดตามของจริง
3. สังเกตชื่อเพจสะกดถูกต้องหรือไม่ เพราะมิจฉาชีพอาจใส่จุดหรืออักขระพิเศษเพื่อเลียนแบบเพจจริง
4. สังเกตการโพสต์เนื้อหาและโต้ตอบในเพจ รวมถึงการรีวิวที่พักจากผู้พักจริง เช่น มีการกดโกรธในโพสต์ต่างๆ ให้สงสัยได้เลยว่าเป็นเพจปลอม
5. ก่อนโอนเงินจอง ให้ดูชื่อบัญชีที่โอนว่าตรงกับชื่อเจ้าของที่พัก หรือเป็นบัญชีชื่อของที่พักนั้นหรือไม่
ทั้งนี้ หากท่านตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ สามารถแจ้งเข้ามาที่ศูนย์ AOC 1441 เพื่อทำการอายัดบัญชีคนร้าย และดำเนินคดีตามกฎหมายกับมิจฉาชีพ"
...
ขณะที่ เฟซบุ๊กเพจ "ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท." ยังได้เตือนเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการจ้างวานบุคคลให้ไปจดทะเบียนบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วน จากนั้นนำหลักฐานการจดทะเบียนไปเปิดบัญชีในรูปแบบนิติบุคคล เมื่อเหยื่อตรวจสอบบัญชีปลายทางพบเป็นบัญชีบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนจริง จึงเกิดความเชื่อถือ สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงิน
พร้อมให้ความรู้ทางข้อกฎหมายว่า พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า
ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-wallet เป็นบัญชีม้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มีการซื้อขายบัญชีเงินฝาก หรือ e-wallet ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทำความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง,ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.