ตำรวจ เผยความคืบหน้าเหตุศึกสาวสอง ไทย-ฟิลิปปินส์ ตบสนั่น ซัดนัวที่สุขุมวิท 11 ขอเวลาตำรวจทำงานเพราะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ทราบ

วันที่ 5 มีนาคม 2567 มีรายงานว่า จากเหตุการณ์ชุลมุนการรวมตัวกันของกลุ่ม LGBTQ+ จำนวนมากที่เรียกตัวเองว่า "กะเทยไทย" บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 11/1 อ้างว่าเป็นการรวมตัวเพื่อรอปะทะกับกลุ่มสาวสองฟิลิปปินส์ หลังจากมีปัญหาทำร้ายร่างกายกัน จนพี่กะเทยคนไทยได้รับบาดเจ็บ แต่คู่กรณีไม่กล้าลงมา ทำให้ผู้ประสานงานและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งขอความร่วมมือเคลียร์พื้นที่ให้ย้ายไปรอที่ สน.ลุมพินี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ. ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เปิดเผยว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของ สน.ลุมพินี ทางพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบว่าบุคคลตามกล้องวงจรปิดที่ก่อเหตุเป็นใครบ้าง 

กรณีที่มีข่าวว่าผู้ก่อเหตุแอบขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินนั้น เรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ก่อนว่า ผู้ก่อเหตุเป็นใครบ้างเพื่อลงข้อมูลในระบบของโรงพัก ซึ่งจะเชื่อมข้อมูลมาทาง ตม. ส่วนคนที่ขึ้นแท็กซี่ไป เราไม่ทราบว่าเป็นผู้ที่อยู่ในเกิดเหตุหรือเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ 

...

ในกรณีที่ผู้กระทำผิดเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว จะเป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ทางเจ้าหน้าที่อาจจะออกหมายจับทิ้งไว้ หากเดินทางกลับเข้ามาอีกก็จะสามารถจับกุมได้ แต่ทั้งนี้ต้องให้เวลาพนักงานสอบสวนได้ทำงานก่อน เพราะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ทราบ

พ.ต.อ. ปริญญา กล่าวอีกว่า ส่วนใหญ่แล้วฟิลิปปินส์จะได้ยกเว้นการตรวจลงตราประเภท 30 หมายความว่า สามารถเข้ามาไทยด้วยเหตุผลการท่องเที่ยว 30 วัน บางรายอาจจะไปขอวีซ่าจากสถานทูตไทยในประเทศฟิลิปปินส์ บางรายอาจจะได้ 60 วัน เป็นการท่องเที่ยวอย่างเดียว ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ หากพบว่ามีการแย่งงานคนไทยก็จะโดนแบล็กลิสต์ตลอดชีวิต

ในส่วนของการตรวจสอบ หากเข้ามาพักแล้วมารวมกลุ่มกันแต่ไม่ได้มีความผิดอะไรก็ยังดำเนินการไม่ได้ แต่หากมีความผิดชัดเจนก็จะสามารถดำเนินคดีเป็นรายบุคคล.