"เจ้าหนี้" เปิดใจหลังทำกุศลครั้งใหญ่ ยกหนี้พร้อมคืนโฉนดให้ "ลูกหนี้" 2 ราย บอกเข้าใจความลำบาก เพราะในอดีตก็เคยจนมาก่อน
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุข้อความว่า "ยกหนี้ให้ลูกหนี้ กรณีนี้ลูกหนี้อายุเยอะ และมีโรคประจำตัว ลูกหนี้ขอผ่อนจ่าย แต่ทางเรายกให้ลุง ลุงจะสบายใจขึ้นไม่ต้องเครียด เพราะการเครียดจากการมีหนี้สิน ต้องกังวลว่าจะมีบ้านอยู่มั้ย มันทุกทรมาน กรณีนี้ค้างผ่อนดอกมา 6 เดือนถือว่าหลุดจำนอง แต่อรอนงค์ ขอมอบให้ลุงเป็นของขวัญให้ลุงนะ (ผ้าขี้ริ้ว ยอมสกปรก เพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด ปู่ผู้ล่วงลับได้สอนเอาไว้)"
ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็สร้างความฮือฮา สวนกระแสระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้โซเชียลต่างชื่นชมเจ้าหนี้เป็นจำนวนมาก
ต่อมาวันที่ 24 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านตำบลหาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร พบกับ น.ส.อรอนงค์ กาลพัฒน์ หรืออร อายุ 37 ปี เจ้าหนี้ใจบุญที่ยกหนี้ให้ลูกหนี้จำนวน 2 ราย ได้เปิดใจบอกว่า สาเหตุที่ได้คืนโฉนดที่ดินให้ลูกหนี้ทั้ง 2 รายนั้น เพราะเริ่มตั้งเป้าหมายตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นบุญกุศลให้กับตัวเอง
...
จึงสำรวจรายชื่อลูกหนี้ว่ามีจำนวนเท่าไร หลังจากนั้นสืบติดตามว่าคนไหนลำบากที่สุด และพยายามใช้หนี้ แต่พยายามเท่าไรก็ยังไม่มีเงินมาจ่ายดอก หรือต้นให้ได้ และการดำรงชีวิตยังลำบากเงินไม่พอใช้ คนเหล่านั้นอาจจะต้องทุกข์ทรมานทุกวันทุกคืน
ในปี 2567 จึงคิดทำบุญจะยกหนี้ให้ลูกหนี้จำนวน 2 ราย ซึ่งลำบากจริง รายแรกเป็นลุงผู้ชาย มีโรคประจำตัว ส่วนภรรยาป่วยเข้าโรงพยาบาลบ่อย สภาพการเงินในครอบครัวแย่ เพราะรับจ้างทั่วไป โดยเอาโฉนดที่ดินมาจำนองไว้ เนื้อที่ประมาณกว่า 4 ไร่ ถ้าคิดเป็นมูลค่าราคาหลักล้านบาท ซึ่งค้างส่งมา 6 เดือน รวมเงินดอกต้นประมาณกว่า 5 หมื่นบาท ถือว่าหลุดจำนอง แต่ตนเองไม่ฉวยโอกาสยึดที่ดิน
รายที่ 2 เป็นลูกหนี้เอาโฉนดที่ดินมาไว้ พื้นที่ทำเลดีมาก ที่มีอาชีพทำรับซื้อพืชใบกระท่อมสดเหมือนกับตน แต่ส่งเพียงจังหวัดชุมพร-ระนอง กำไรแทบไม่พอค่ารถ และถูกโกงบ่อยมาก เรียกได้ว่าล้มแล้วล้มอีก วงการอาชีพนี้รู้ว่าเขาถูกโกง พร้อมกับสืบจากคนใกล้ตัวทราบว่าเป็นเรื่องจริง
มีลูกน้อยยังต้องกินนม บางวันแทบไม่มีเงินเลย ตนคิดว่าไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกินก็เป็นทุกข์แล้ว แถมเป็นหนี้เราอีก กลัวว่าเราจะยึดที่ไหม หรือที่ดินผืนนี้อาจจะเป็นที่ดินมรดกตกทอดกันมา ซึ่งตนคิดว่ามันเป็นการทรมานใจ แต่ละคืนคงนอนไม่หลับ ลูกหนี้ทั้ง 2 ราย ตนไม่เคยโทรทวงเลย
น.ส.อรอนงค์ เล่าอีกว่า หลังจากคิดแล้วว่าจะยกหนี้ให้ลูกหนี้ 2 รายนี้ จึงวางแผนคิดว่าจะเอาเงินที่ไหนมาสำรองให้ลูกหนี้ของเราเอง โดยที่ไม่ควักทุนตัวเอง จึงคิดประหยัดเงินส่วนตัว จากที่เคยเข้าร้านเสริมสวย เข้าคลินิกเสริมความงาม เลิกใช้ของแพง เลิกซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องสำอาง แล้วก็ใช้เฉพาะที่มีอยู่ ซึ่งเอายอดเงินส่วนนี้ มาเก็บในบัญชีหนึ่งไว้ และนำเงินส่วนนี้มาไถ่โฉนดลูกหนี้จากตัวเราเอง คืนลูกหนี้ทั้ง 2 ราย คืนให้ไปฟรีๆ
สิ่งที่ทำลงไปเพราะอดีตตนเองก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อน ไม่มีแม้แต่บ้านอยู่อาศัย ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย โตมาในบ้านที่มีเพียงปู่ย่า ชุดนักเรียนใหม่ๆ ยังไม่มีใส่เหมือนเพื่อนคนอื่น ทนสู้ชีวิตปากกัดตีนถีบ ทำงานเลี้ยงชีพโดยการขายลูกชิ้นปิ้ง ขายข้าวแกงในปั๊มน้ำมันมาก่อน หาเช้ากินค่ำ ช่วงจังหวะพลิกผันเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ขณะนั้นรัฐบาลปลดล็อกพืชใบกระท่อม วันแรกตนได้ไลฟ์ขาย ตนถึงกับตกใจมีออเดอร์สั่งมากถึง 100 กิโลกรัม ทำให้ดีใจมาก ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อใบกระท่อมสดจากทั่วประเทศประมาณ 3 ตันต่อวัน
ภายหลังจากเป็นข่าวแพร่กระจายออกไป มีคนที่ไม่รู้จักทักมาขอเงินเยอะมาก บางรายทักมาขอเงินซื้อนมลูก รวมๆ นับร้อยข้อความ ซึ่งตนไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ อาชีพตนรายได้พอเลี้ยงครอบครัว ใครที่ทักมาขอเงินให้พึ่งพาตนเองก่อน จึงขอบอกว่าปีนี้ตนเองช่วยเหลือได้แค่สองคนเท่านั้น แต่ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ วานนี้ คนแถวๆ บ้านเดินมาขอยืมเงิน 1 หมื่นบาท แต่ตนโอนให้ฟรีๆ ไม่ต้องยืมไปเพียง 2 พันบาท
ทั้งนี้ น.ส.อรอนงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คนที่สอนอบรมให้ตนเองเป็นคนแบบนี้ และมาถึงจุดนี้ได้ คือปู่กับย่าที่ได้เลี้ยงตนมา คุณย่าชื่อ นางละเอียด ไชยมหาแก้ว อายุ 87 ปี ปัจจุบันเป็นอัมพฤกษ์มานานกว่า 30 ปี และคุณปู่คือ นายจำนงค์ ไชยมหาแก้ว อายุ 78 ปี ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว ปู่และย่าสอนไว้ว่า วันหนึ่งเมื่อเรายืนอยู่ได้แล้ว หยิบยื่นน้ำใจให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ส่วนย่าสอนว่า ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ไม่ก่อร่างสร้างหนี้ ทำมาหากินด้วยตนเอง ไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ.