สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดปฏิทินล่าทางช้างเผือกตลอดปี คนชอบดูดาวเช็กได้เลยช่วงเวลาไหนสวยงามที่สุด เปิดฤดูกาลปลายเดือนกุมภาพันธ์
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 มีรายงานว่า แฟนเพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้เผยปฏิทินล่าทางช้างเผือกตลอดปี โดยระบุว่า ทางช้างเผือก เป็นวัตถุท้องฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อมองจากโลก มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นแถบสว่างพาดเป็นแนวยาวกลางฟ้า ตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้
บริเวณที่สวยงามที่สุด คือ บริเวณใจกลางทางช้างเผือก (Galactic Center) เป็นส่วนที่สว่างที่สุดของทางช้างเผือก จะมีลักษณะเป็นแนวฝุ่นหนาทึบ เห็นได้อย่างชัดเจน ประกอบด้วยวัตถุท้องฟ้ามากมาย อาทิ ดาวฤกษ์ กระจุกดาว เนบิวลา เป็นต้น แนวใจกลางทางช้างเผือกอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องและกลุ่มดาวคนยิงธนู ปรากฏบนท้องฟ้าในตำแหน่งที่เฉียงไปทางใต้ และเนื่องจากใจกลางทางช้างเผือกอยู่ในบริเวณกลุ่มดาวทางซีกฟ้าใต้ ทางตอนใต้ของไทยจึงมองเห็นแนวใจกลางทางช้างเผือกอยู่สูงจากขอบฟ้ามากกว่าภูมิภาคอื่น ชาวใต้จึงมีโอกาสสังเกตเห็นทางช้างเผือกได้ชัดเจนมาก
ในหนึ่งปีจะมีช่วงเวลาที่สามารถสังเกตเห็นแนวใจกลางทางช้างเผือกได้ไม่ครบทุกเดือน เนื่องจากช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในบริเวณใจกลางทางช้างเผือก ทำให้ไม่สามารถสังเกตเห็นใจกลางทางช้างเผือกได้
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นช่วงเปิดฤดูกาล ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือตั้งแต่วันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2567 ในช่วงรุ่งเช้า แนวใจกลางทางช้างเผือก จะเริ่มปรากฏบริเวณขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ขนานกับเส้นขอบฟ้า สังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. จนถึงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
...
และอีกช่วงคือ 8 - 22 มีนาคม 2567 (หลังจากนั้นจะมีแสงสว่างจากดวงจันทร์รบกวน) ตำแหน่งใจกลางทางช้างเผือกจะอยู่ขนานกับขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. จนถึงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น หมายความว่าจะมีเวลาให้เราเก็บภาพทางช้างเผือกประมาณไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ถือเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลออกล่าทางช้างเผือกยามเช้า และนอกจากใจกลางทางช้างเผือกที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีดาวเคราะห์ให้ชมอีก 2 ดวง ได้แก่ ดาวอังคาร และดาวศุกร์ ปรากฏในช่วงรุ่งเช้าทางทิศตะวันออกอีกด้วย
ช่วงปลายเมษายน แนวใจกลางทางช้างเผือกจะค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางเป็นแนวพาดบริเวณกลางฟ้า ช่วงนี้จะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป สามารถชื่นชมความสวยงามและบันทึกภาพทางช้างเผือกได้ยาวนานขึ้น
ช่วงเวลาที่ทางช้างเผือกปรากฏบนท้องฟ้าสวยงามที่สุดคือ ปลายเมษายน-ต้นตุลาคม จะสังเกตเห็นใจกลางทางช้างเผือกบริเวณกลุ่มดาวแมงป่องและคนยิงธนูได้ง่าย ทางช้างเผือกบริเวณนี้จะสว่างและสวยงามกว่าบริเวณอื่นๆ และอยู่ในตำแหน่งกลางท้องฟ้าเกือบตลอดทั้งคืน แต่เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นช่วงฤดูฝน จึงมักมีอุปสรรคเรื่องเมฆและฝนตก หากท้องฟ้าเปิดไม่มีเมฆฝนก็จะถือเป็นโอกาสดีที่สุดของการถ่ายภาพทางช้างเผือกในรอบปี
หลังจากนั้นในช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อุปสรรคเรื่องเมฆฝนจะเริ่มน้อยลง ทางช้างเผือกจะปรากฏและสังเกตเห็นได้ในช่วงหัวค่ำ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ปกติแล้วเราสามารถสังเกตเห็นทางช้างเผือกได้เกือบตลอดทั้งปี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ คือ สภาพท้องฟ้า หากท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีทัศนวิสัยของท้องฟ้าดี ไม่มีแสงรบกวนทั้งแสงจากดวงจันทร์ แสงไฟจากเมือง ก็จะสังเกตเห็นทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจน แต่คนในเมืองส่วนใหญ่มักไม่มีโอกาสได้ชมทางช้างเผือก เนื่องจากตัวเมืองมีแสงไฟ ฝุ่นละอองและควัน เป็นจำนวนมาก ทัศนวิสัยของฟ้าในเขตเมืองจึงไม่เอื้อต่อการสังเกตเห็นทางช้างเผือก หากต้องการสัมผัสทางช้างเผือกอาจจะต้องเดินทางต้องไปยังสถานที่ที่ห่างจากตัวเมืองอย่างน้อยประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อหลีกหนีจากมลภาวะทางแสงและฝุ่นละอองต่างๆ
สำหรับผู้ที่สนใจถ่ายภาพทางช้างเผือก ควรหาสถานที่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้เล็กน้อย เป็นพื้นที่มืดสนิทไม่มีแสงรบกวน ตั้งกล้องโดยหันหน้ากล้องไปที่ใจกลางทางช้างเผือก ช่วงเวลาตั้งแต่ 04.00 น. จนถึงรุ่งเช้า บริเวณกลุ่มดาวแมงป่องและคนยิงธนู เลือกใช้เลนส์มุมกว้างเพื่อให้ได้องศาการรับภาพที่กว้าง ปรับระยะโฟกัสของเลนส์ที่ระยะอนันต์ ใช้รูรับแสง ที่กว้างที่สุด พร้อมตั้งค่าความไวแสงตั้งแต่ 3200 ขึ้นไป
สำหรับมือใหม่ ก็ลองนำเทคนิคดังกล่าวไปปรับใช้กันดูครับ ใช้ได้ทั้งกล้องถ่ายภาพ และสมาร์ทโฟน ซึ่งปัจจุบันก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่สามารถถ่ายภาพทางช้างเผือกได้สวยงามไม่แพ้กล้องใหญ่ๆ กันเลยทีเดียว.