ไม่อยากให้เดินทางผิด คุณยายวัย 65 เปิดใจเล่าเหตุผล ลงทุนนั่งเฝ้าดูหลานที่โรงเรียน นานกว่า 2 เดือน ยืนยันไม่เสียเวลา แค่หลานได้ความรู้ก็คุ้มค่ากว่าแล้ว

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pat Suwaphat ได้โพสต์ภาพยายคนหนึ่งในโรงเรียน พร้อมเขียนข้อความว่า "จันทร์-ศุกร์ มาเฝ้าหลานที่ ร.ร. ทั้งวัน และทุกวัน 2 เดือนแล้ว หลานโดดเรียน ไม่เข้า ร.ร. (ลงจากรถ ร.ร. อยู่ทางซ้าย นางจะไปทางขวา) เมื่อไหร่ที่บอกว่าวันนี้ไม่เห็นมาเข้าแถว ยายจะมาทันที เร็วกว่า 5G ก็คุณยายนี่แหละ ยกตำแหน่งให้ผู้ปกครองดีเด่น 1/13

ล่าสุดไปตามหลานที่บึงไม่เจอ ตามมาเจอหน้าร้านสะดวกซื้อ กำลังจับกลุ่มอยู่กับเพื่อน 5-6 คน เจอยายวงแตกหนีกระเจิงเลย ยายเคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่ายิ่งกว่านี้ ยายก็เคยทำมาแล้ว ยิงปืนก็เคยยิงมาแล้ว ยังไงจะต้องจัดการหลานให้ได้ ถ้ามันไม่เรียนจะให้ออกไปเก็บขยะขาย นี่คือตัวอย่างของผู้ปกครอง ที่เชื่อครู และไม่เข้าข้างลูกหลาน ต้องตามมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง และรีบจัดการให้ทันท่วงทีก่อนจะสายเกินไป"

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งหมดชื่นชมยายที่มีความมุ่งมั่นที่ต้องการให้หลานเป็นคนดี ไม่เกเร และบอกว่าการที่ผู้ปกครองมาเฝ้าบุตรหลานแบบนี้ มีไม่มากในประเทศ

...

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบ นางแก่นจันทร์ หาญประโคน อายุ 65 ปี ต.ยายแย้ม อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ที่เดินทางมาพร้อมกับหลาน ด.ญ.มนัสพร หาญประโคน อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม อ.ประโคนชัย หลังหลานเข้าแถวเสร็จ ยายได้เตรียมอาหารมาด้วย เช่น มะละกอสำหรับตำส้มตำ หรืออาหารว่าง แล้วทำเผื่อเพื่อนในห้องเรียน ให้เด็กได้ทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข

นางแก่นจันทร์ เล่าว่า ที่ยายตามมาเฝ้าหลานที่โรงเรียน เพราะไม่อยากให้หลานเดินทางผิด เราก็ดึงให้ตึงเข้ามา เราอย่าให้มันเน่าเลยอยู่ข้างบน เราต้องรีบดึงมามันก็จะไม่เน่า รอบนั้นเขาสืบได้ว่าหลานไม่เข้าเรียน จึงใช้วิธีนี้

ต้องการให้หลานเรียนให้จบมันสูง แต่มันได้เท่าไรก็เอาแค่นั้น ในใจอยากให้หลานได้มีความรู้ติดตัว เพราะความรู้ใช้เท่าไรก็ไม่หมด ไม่เหมือนที่ดิน เมื่อขายไปแล้วก็หมด ถึงแม้ในอนาคตเขาไม่เลี้ยงดูเรา ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อเขาโตไปแล้วเขาต้องหาชีวิตใหม่

ถ้าถามว่าเสียเวลาหรือไม่ ตนยืนยันไม่เสียเวลา ตรงกันข้ามคุ้มมากกว่า หลานได้ความรู้ แต่เราลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไรทนได้ อยากให้ส่งหลานให้ถึงฝั่ง ส่วนหนึ่งก็อยากฝากถึงผู้ปกครองทุกคนที่มีบุตรหลาน ให้หมั่นดูแลบุตรหลาน บางคนให้เงินมาเรียนแต่ไม่เรียน บางครั้งเขาอาจจะเดินทางผิด เราต้องแก้ตั้งแต่ยังอ่อนเหมือนต้นไม้ 

ด้านครูสุวภัทร โพธิ์คำ ครูที่ปรึกษานักเรียนชั้น ม.2 กล่าวว่า จริงแล้วเด็กในห้องไม่ใช่เกเรขนาดนั้น เด็กซุกซนตามวัย ส่วนหนึ่งก็ขอชื่นชมยายเด็ก ที่มีความมุมานะต่างจากผู้ปกครองทั่วไป สิ่งที่สำคัญหลังจากยายมาเฝ้าหลานได้ 2 เดือน ปรากฏว่าเพื่อนนักเรียนในห้องต่างปรับตัว ตั้งใจเรียนเหมือนกันหมดไม่มีใครออกมาต่อต้านแม้แต่คนเดียว.