โวยคนขับกระบะลอบจุดไฟเผาป่ารกร้างแล้วขับออกไป ทำไฟลามกระทบรีสอร์ตเขาใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง วอนเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการเด็ดขาด 

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา และเป็นผู้บริหาร เดอะเปียโน รีสอร์ต เขาใหญ่ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า "ขอแจ้งความกลางอากาศก่อนเลยนะ ต้องช่วยกันแชร์.." ผู้กระทำ ขอจงหยุดการกระทำ..การเผา ทำลาย" ได้แล้ว ผู้เกี่ยวข้องต้องเข้มงวด เอาจริงเอาจังกับคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่แค่ดับไฟอย่างเดียว ต้องหยุดคนทำด้วย

มีการใช้รถกระบะขับมาแล้วมาจอดตรงพื้นที่ว่างเปล่า แต่รกร้างด้วยหญ้า ที่ติดอยู่กับรีสอร์ต จุดเผาเสร็จแล้วขับออกไปเลย (ได้ยินจากคนงานก่อสร้างที่รับฟังจากชาวบ้านที่เห็นมา) เขาศึกษาทางลมมาแล้ว ว่า ตำแหน่งจุดไฟที่ไหนแล้วจะลามครอบคลุมพื้นที่ว่างเปล่า..ซึ่งอาจจะใช้พื้นที่ทำอะไรไม่รู้ แต่ทำไม่ถูก เรื่องของมลพิษและสิ่งแวดล้อมต้องตระหนัก เพราะนำมาซึ่งความเดือดร้อนและเสียหาย ไฟได้ลามเข้ามาในบริเวณรอบนอกรั้วและริมรั้วด้านในของ เดอะเปียโน สะเก็ดไฟกระเด็นเข้ามา ก่อให้เกิดความเสียหาย วันนี้จะเข้าไปแจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการที่แรงๆ ไม่งั้นหยุดไม่ได้"

...

ซึ่งหลังจากโพสต์ภาพและข้อความออกไป ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จริงๆ ได้รับรายงานจากพนักงานและช่างที่มาก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมให้กับเดอะเปียโน รีสอร์ต เขาใหญ่ ว่า มีรถกระบะคันหนึ่งขับมาจอดตรงพื้นที่ว่างเปล่าติดกับรีสอร์ต เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา แล้วจุดเผาหญ้าที่ขึ้นรก จากนั้นจะขับออกไปโดยไม่สนใจว่าไฟจะลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียงหรือไม่

ล่าสุดเช้าวันนี้ ตนยังเห็นไฟยังไม่ดับสนิท มีกลุ่มควันลอยฟุ้งตลอดเวลา จึงโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านโซเชียล โดยหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและเอาจริงเอาจังกับผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่แค่มาช่วยเหลือชาวบ้านดับไฟ แต่เจ้าหน้าที่จะต้องบูรณาการกัน ติดตามหาสาเหตุและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำในพื้นที่อื่นๆ จนได้รับความเสียหายเหมือนกับกรณีของตนที่แม้ว่าไฟจะไม่ได้ลามไหม้ไปจนถึงโซนที่พักในรีสอร์ต แต่สะเก็ดไฟก็ลอยข้ามรั้วเข้ามาไหม้ ทำให้ท่อร้อยสายไฟและท่อน้ำที่เดินเอาไว้ตามแนวรั้วไหม้เสียหาย

ซึ่งตนไม่คิดว่า จะมีคนมาลอบเผาป่ากันได้ง่ายๆ แบบนี้ ทั้งๆ ที่ทางจังหวัดมีการประกาศนำร่องมุ่งสู่เป้าหมายเมืองคาร์บอนต่ำรณรงค์เป็นเมือไร้มลพิษ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ป่ามรดกโลก จะต้องหยุดเผาอย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดมลพิษ ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว-ดินแดนมรดกโลกด้วย จึงขอวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือจากการณรงค์สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จะต้องกวดขันเอาจริงเอาจัง สืบหาต้นตอเหตุไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้น หากเป็นฝีมือคนควรเร่งติดตามตัวมารับโทษโดยเร็ว อย่าปล่อยให้ลอยนวลไปก่อเหตุซ้ำ และที่สำคัญ ผู้กระทำผิดควรได้รับโทษที่สาสมกับความผิดที่กระทำ ไม่ใช่แค่เปรียบเทียบปรับเพียงเล็กน้อย ไม่เข็ดหลาบ 

ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) ได้รายงานผลการตรวจจับจุดความร้อน ผ่านสัญญาณดาวเทียมระบบ VIIRS เมื่อเวลา 01.25 น.วันนี้ พบจุดความร้อน Hotspot ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จำนวน 16 จุด โดยเกิดในพื้นที่ เขต ส.ป.ก.มากสุด 9 จุด รองลงมา เป็นพื้นที่การเกษตร 3 จุด ป่าสงวนฯ 1 จุด และพื้นที่ อื่นๆ 3 จุด

เมื่อแยกเป็นรายอำเภอ พบจุดความร้อนใน อ.ปักธงชัย มากสุด 6 จุด เป็นการเผาในเขต ส.ป.ก. ชุมชน และพื้นที่อื่นๆ ทั้งพื้นที่ป่าและทำเกษตรปลูกอ้อย รองลงมาคือ อ.พิมาย 3 จุด เป็นการเผาพื้นที่การเกษตรปลูกข้าว, อ.ปากช่อง 3 จุด ในเขต ส.ป.ก. เป็นการเผาไร่อ้อย ข้าวโพด และพืชหมุนเวียน, อ.ด่านขุนทด พบ 2 จุด ในเขต ส.ป.ก. และป่าสงวนฯ เป็นการเผาไหม้พื้นที่ป่า และพื้นที่เกษตรอื่นๆ, อ.ห้วยแถลง พบ 1 จุด ในเขต ส.ป.ก. เป็นการเผาไร่อ้อย และ อ.วังน้ำเขียว 1 จุด ในเขต ส.ป.ก. เป็นการเผาไร่อ้อย เช่นกัน

จากข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 ของ จ.นครราชสีมา ยังพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยตรวจวัดคุณภาพอากาศ ผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ บริเวณ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา ตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 53.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ วัดได้ 143 AQI อยู่ในเกณฑ์สีส้ม เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ.