โซเชียลติดแฮชแท็กเดือด #ยกเลิกครูเวรกี่โมง หลังเกิดเหตุครูผู้หญิงเข้าเวรวันหยุดคนเดียว โดนทำร้ายบาดเจ็บ พร้อมจี้คืนเวลาสอนให้กับครู
วันที่ 21 มกราคม 2567 มีรายงานว่า จากกรณีครูผู้หญิงเข้าเวรวันหยุดคนเดียว ถูกหนุ่มที่มาตัดต้นไม้ในโรงเรียนทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลปากแตก และกระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ เกิดเหตุภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าโดนทำร้ายก่อน จึงบันดาลโทสะโต้ตอบ
โดยพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษาที่หลายคนได้ออกมาเรียกร้องให้ทางภาครัฐพิจารณางดเว้นเรื่องการเข้าเวรของครู โดยเฉพาะครูผู้หญิง และพิจารณาเรื่องการคืนเวลาสอนให้กับครู
ทั้งนี้ ทางแฟนเพจ ครูวันดีดอทคอม - เปิดสอบครู สมัครงานราชการ ได้ออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า "ยกเลิกให้ครูมาอยู่เวร ทั้งกลางวัน และกลางคืน ถึงเวลาหรือยัง ที่จะยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดเวรรักษาการณ์ #เลิกให้ครูมาอยู่เวร #ครูเวร #ยกเลิก"
...
เช่นเดียวกับกระแสในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ (X) ได้มีการติดแอชแท็ก #ยกเลิกครูเวรกี่โมง เพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกครูเวร อาทิ ควรยกเลิกระบบครูเวรจริง ไม่คุ้มเลยจริงๆ ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมา เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณครูเชียงรายดังกล่าวอีก อาจจะไม่โชคดีที่มีคนเห็นและช่วยไว้ได้ทันก็ได้, เหตุการณ์นี้น่าจะทำให้ตระหนักได้แล้วว่าการที่มีครูอยู่เวรไม่ได้สำคัญเท่าชีวิตครูคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว กรณีมีคนร้ายบุกทำร้ายร่างกายครูขณะที่มาอยู่เวร เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา เหตุเกิดภายในบริเวณโรงเรียนบ้านโป่งเกลือ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และมีการต่อสู้จนครูได้รับบาดเจ็บปากแตก มีแผลฟกซ้ำบริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งต่อมาจับกุมคนร้ายได้แล้วนั้น
ในเบื้องต้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมาย ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. บุคลากรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 (สพป.เชียงราย เขต 1) นักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่พร้อมทีมสหวิชาชีพ รุดลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามอาการของคุณครูที่ได้รับบาดเจ็บ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ได้แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับ สพฐ. ให้ดูแลขวัญและกำลังใจของคุณครูที่ประสบเหตุ พร้อมติดตามการดำเนินคดีและกำหนดแนวทางสร้างเสริมความปลอดภัยในสถานศึกษาให้รัดกุมมากขึ้น ซึ่งตนได้โทรศัพท์สอบถามเหตุการณ์และส่งกำลังใจให้แก่คุณครูที่ประสบเหตุด้วยตนเอง พบว่าคุณครูมีขวัญและกำลังใจที่ดี อาการปลอดภัยดีขึ้นแล้ว"
"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ทราบถึงภาระและความกังวลใจของคุณครูทั่วประเทศที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเวรกลางวันหรือเวรกลางคืน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2542 ที่กำหนดให้สถานที่ราชการทุกแห่งต้องจัดให้มีเวรรักษาการณ์ เพื่อดูแลและป้องกันความเสียหายอันจะบังเกิดแก่สถานที่ราชการ จึงได้กำหนดนโยบายลดภาระครู เพื่อให้คุณครูได้ทุ่มเทเวลาเพื่อการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ และได้สั่งการ สพฐ. ให้เสนอขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติคืนอัตรานักการภารโรงกว่า 14,000 ตำแหน่ง เพื่อให้ทุกโรงเรียนมีนักการภารโรงประจำ ซึ่ง สพฐ. ได้จัดทำคำขอต่อ ครม. เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา"
"ในระหว่างที่ รอ ครม. พิจารณาอนุมัติคืนตำแหน่งนักการภารโรง ซึ่งจะสามารถช่วยทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่โรงเรียนได้อีกแรงหนึ่ง ขอสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานปกครองในพื้นที่หรือผู้นำชุมชน ช่วยจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยในโรงเรียนและช่วยเฝ้าระวังกรณีชุมชนมีบุคคลผู้เสี่ยงมีพฤติกรรมรุนแรง ซึ่ง สพฐ. ส่วนกลางได้มีหนังสือส่งถึงกระทรวงมหาดไทยให้สนับสนุนการทำงานของโรงเรียนก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากนี้ สพฐ. จะได้เร่งแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดเวรยามและการรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษาที่เหมาะกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเสริมสร้างความปลอดภัย เพื่อให้โรงเรียนเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ ที่สร้างความสุขและความอุ่นใจให้แก่ครู นักเรียนทุกคน" ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าว