"กรมควบคุมโรค" พบหญิงตั้งครรภ์-นักท่องเที่ยว ติดเชื้อ "ไวรัสซิกา" มากกว่าปีที่ผ่านมา เตือนประชาชนระวังการติดเชื้อ พร้อมย้ำวิธีการป้องกันโรคที่ดีที่สุด

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวของประเทศไทย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีอากาศเย็นมากนัก ยุงลายที่เป็นพาหะนำ 3 โรคยังสามารถขยายพันธุ์ได้ คือ โรคไข้เลือดออก ปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 153,734 ราย เสียชีวิต 181 ราย โรคปวดข้อยุงลาย พบผู้ป่วย 1,371 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และโรคติดเชื้อไวรัสซิกาในปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 758 ราย ในจำนวนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ 33 ราย ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์จะส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมามีความผิดปกติศีรษะเล็ก หรือพิการแต่กำเนิด เป็นภาระของครอบครัว ซึ่งโรคนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศแอฟริกาและเคยพบประปรายในประเทศไทยหลายปีก่อน 

ปีที่ผ่านมา มีรายงานพบทารกศีรษะเล็กยืนยันติดเชื้อไวรัสซิกา 13 ราย ทั้งนี้ ในระยะ 4 สัปดาห์ล่าสุด พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกามากที่สุด ในกรุงเทพมหานคร (40 ราย) ตามด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (13 ราย) อีกทั้งยังพบผู้ป่วยในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันและเนเธอร์แลนด์ที่กลับจากเกาะสมุยจำนวน 3 ราย

นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า ขอแนะนำประชาชนว่า วิธีป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงลายกัด โดยการนอนในมุ้งหรือห้องที่ติดมุ้งลวด จุดยากันยุง หรือทาโลชั่นกันยุง และเก็บกวาดสถานที่ไม่ให้มีน้ำขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และเนื่องจากพบนักท่องเที่ยวป่วย จึงขอแนะนำผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่พักแรม เช่น โรงแรม รีสอร์ต ที่รับนักท่องเที่ยวเข้าพัก ควรจัดการที่พักของตนเองให้ปลอดจากยุงลาย โดยจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้ยุงลายมีที่วางไข่ กำจัดภาชนะกักเก็บน้ำชนิดต่างๆ รวมไปถึงขยะเศษภาชนะ กล่องโฟม จานรองกระถางต้นไม้ หรือกาบใบไม้ใหญ่ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ รวมทั้งแจกยาทากันยุงชนิดซอง หรือสเปรย์พ่นยุงในห้องพักด้วย

...

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาส่วนใหญ่ อาการไม่รุนแรง ผู้ติดเชื้อ มีอาการไข้ ร่วมกับผื่นแดงตามร่างกาย ตาแดง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ หากสงสัย ให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ และหากพบว่าตนเองป่วยเป็นโรคไวรัสซิกา ควรปฏิบัติตัวเพิ่ม 3 ประการ คือ ทายากันยุงวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน และงดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดแล้วนำเชื้อไวรัสไปให้คนรอบตัว และเนื่องจากพบว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถอยู่ในสารคัดหลั่งของผู้ชายได้ จึงควรใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลา 3 เดือนหากมีเพศสัมพันธ์ 

อย่างไรก็ตาม ขอสื่อสารไปยังประชาชนว่าโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการเดียวกันกับโรคไข้เลือดออก และกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ คือ หญิงตั้งครรภ์ และคู่สมรสที่วางแผนจะมีบุตร ต้องป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.