ต้องดูแลตัวเอง หนุ่มแชร์ประสบการณ์ระหว่างเที่ยวต่างประเทศ ถูกล้วงกระเป๋า-งัดรถ ฉกทรัพย์ทั้งครอบครัว สูญเงินกว่า 600,000 บาท

วันที่ 13 ธ.ค. 2566 นายเถลิงศักดิ์ คงขวัญเมือง อายุ 30 ปี เจ้าของร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ได้แชร์ประสบการณ์หลังพาครอบครัวไปเที่ยวแล้วถูกคนร้ายลักทรัพย์ อ้างตัวเป็นตำรวจตบทรัพย์ และถูกงัดรถถึง 3 เหตุการณ์ ต้องสูญทรัพย์สินกว่า 600,000 บาท โดยเหตุเกิดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะเดินทางไป เมื่อวันที่ 7-21 พ.ย.ที่ผ่านมา 

นายเถลิงศักดิ์ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยคุณแม่อายุ 48 ปี และคุณป้า อายุ 53 ปี ได้เดินทางไปเที่ยวกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อไปถึงวันที่ 7 พ.ย. ช่วงเย็นได้ออกไปเที่ยวโดยใช้รถไฟใต้ดิน มีผู้โดยสารจำนวนมาก แม่ ได้ถูกคนร้ายล้วงกระเป๋าขโมยบัตรเครดิตและนำไปรูดใช้เป็นเงิน 300,000 บาท หลังทราบเหตุได้เดินทางเข้าแจ้งความที่กรุงปารีส 

ต่อมาวันที่ 10 พ.ย. ตนและครอบครัวได้เดินทางโดยรถไฟไปที่พระราชวังแวร์ซาย ตนถูกชายแต่งตัวนอกเครื่องแบบอ้างตัวเป็นตำรวจ แจ้งว่าตนทำผิดกฎบนรถไฟนั่งไม่สุภาพยกเท้าไว้บนเบาะ และไม่เซ็นชื่อในบัตรโดยสาร เรียกค่าปรับ 500 ยูโร ตนได้โทรหาสถานทูตไทยเพื่อขอคำแนะนำ ทางสถานฑูตได้แจ้งว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจ เพราะตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ต้องแต่งเครื่องแบบเท่านั้น และห้ามให้พาสปอร์หรือเงินไปเด็ดขาด แต่ตนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับแม่และป้า จึงได้ต่อรองให้เงินไป 60 ยูโร โดยอ้างว่ามีเงินแค่นั้น

...

นายเถลิงศักดิ์ กล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ตนและครอบครัวได้เช่ารถยนต์ขับไปเที่ยวที่เมืองลียง เมื่อไปถึงได้จอดรถไว้ที่ด้านหน้าสถานที่ท่องเที่ยว ต้องเดินห่างไปประมาณ 100 เมตร โดยเก็บกระเป๋าไว้ในรถ หลังถ่ายรูปเสร็จก็ขับรถกลับ ระหว่างทางแวะปั๊มน้ำมันเนื่องจากแม่จะต้องกินยา แต่หากระเป๋าไม่เจอ จึงได้ตรวจสอบรถพบว่ามีร่องรอยงัดแงะที่ประตูรถ ทรัพยสินที่สูญหายเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม, ไอแพด, พาสปอร์ต เงินสด 200 ยูโร รวมทรัพย์สินที่สูญหายประมาณ 280,000 บาท  

จากนั้นจึงได้ประสานคนไทยที่เป็นเจ้าร้านอาหารไทยในเมืองลียง ช่วยพาเข้าแจ้งความเพื่อนำใบแจ้งความไปแจ้งประกันการเดินทาง จากนั้นแม่และป้าได้เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ส่วนตนพาสปอร์ตหายต้องรอทำพาสปอร์ตชั่วคราว ก่อนเดินทางกลับวันที่ 22 พ.ย. เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ทางธนาคารแห่งหนึ่งได้แจ้งว่า บัตรเครดิตอีกหนึ่งใบถูกรูดใช้ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 189 ยูโร เป็นเงินประมาณ 15,000 บาท จึงได้ทำการยกเลิกบัตรคาดว่าน่าจะถูกนำข้อมูลไปใช้ที่ประเทศดังกล่าว รวมค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ 600,000 บาท 

สำหรับการเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสครั้งนี้ถือเป็นความสะเพร่าและประมาทของตนเอง เพราะตนเตรียมตัวไม่พร้อม และคิดว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าถามว่าจะไปเที่ยวที่ประเทศนี้อีกหรือไม่ ก็คิดว่าไป แต่จะรอบคอบและระมัดระวังให้มากกว่านี้ วันนี้จึงออกมาแชร์ประสบการณ์และเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องดูแลตัวเองให้มากที่สุด หลายประเทศมีมิจฉาชีพเหมือนกัน สิ่งของแบรนด์เนมพยายามไม่ใช้ ของมีค่าไม่ควรพกไป ใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น ให้อยู่ในกลุ่มคนหมู่มากและควรศึกษาประเทศที่เราจะไป และควรจะมีเบอร์โทรศัพท์สถานทูตไทยในแต่ละประเทศที่จะไป เพื่อขอคำปรึกษาเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินไว้ด้วย.