อ.ธรณ์ แนะจับตา "ปะการังฟอกขาวในหน้าหนาว" ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเจอในทะเลไทย สอดคล้องกับสถานการณ์เอลนีโญที่จะรุนแรงสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 มีรายงานว่า จากกรณีอุทยานฯ หมู่เกาะช้าง ประกาศปิดการท่องเที่ยว ดำน้ำลึก "เกาะยักษ์ใหญ่" ชั่วคราว หลังพบปะการังฟอกขาวประมาณ 90% จากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น และปะการังบางส่วนมีร่องรอยเกิดโรคนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความว่า อุทยานเกาะช้างสั่งปิดจุดดำน้ำเพราะปะการังฟอกขาว อ่านผ่านๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่อย่าลืมว่านี่คือหน้าหนาว เท่าที่ผมจำได้ เราไม่เคยเกิดปะการังฟอกขาวในหน้าหนาว
หัวหน้าอุทยานรายงานว่า น้ำทะเลร้อน 30-32 องศา ซึ่งตัวเลขนี้สูงเป็นอย่างยิ่งในหน้าหนาว ยังเน้นย้ำคำว่า "ในหน้าหนาว" เพราะในหน้าหนาวคือช่วงที่อุณหภูมิน้ำต่ำสุดในรอบปี ลองดูข้อมูลในอดีตตามจุดต่างๆ ในภาคตะวันออก อุณหภูมิน้ำในหน้าหนาวต่ำกว่า 30 องศาเป็นเรื่องปรกติ
ปะการังอาจเริ่มฟอกขาวเมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเกิน 30.5 องศา ทุกครั้งจึงเกิดในหน้าร้อน แต่เมื่อหน้าหนาวแต่น้ำร้อน เราจึงเจอสิ่งที่ไม่เคยเจอในทะเลไทย ไม่เคยเจอแม้ในปีเอลนีโญที่ผ่านๆ มา
หากปะการังฟอกขาวเพราะน้ำร้อนจริง ไม่ได้เป็นเพียงแค่โรคปะการังเหมือนที่เคยบอกเพื่อนธรณ์เมื่อเดือนก่อน นี่คือผลกระทบจากเอลนีโญ+โลกร้อนแบบเห็นคาตา
คำว่า "บวกโลกร้อน" เป็นข้อความสำคัญมาก จำเป็นต้องมีการศึกษาติดตามเรียนรู้ สองเบิ้ล "เป็นโรค+ฟอกขาว" ยิ่งต้องเรียนรู้ เพราะนั่นคือสิ่งที่อาจเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ เอลนีโญจะมีอีกเรื่อยๆ การเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มจึงสำคัญมาก ดีใจที่อุทยานติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิน้ำต่อเนื่องในบริเวณนั้น
...
เหตุการณ์นี้ยังสอดคล้องกับสถานการณ์เอลนีโญที่บอกเพื่อนธรณ์มาก่อนหน้านี้ว่า จะรุนแรงสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน/ธันวาคม น้ำทะเลในแถวบ้านเราจะร้อนผิดปรกติ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะผิดปรกติจนถึงขั้นทำให้ปะการังฟอกขาวได้ ผมจึงตกใจและเป็นห่วงครับ เป็นห่วงว่าเอลนีโญจะลากยาวข้ามปี ขนาดในหน้าหนาวยังฟอกขาว ไม่ต้องพูดถึงหน้าร้อนในปีหน้า สถานการณ์แบบนี้ต้องเฝ้าระวังกันสุดๆ
ผมเพิ่งเขียนบทความ COP28 ให้คาร์บอนคลับ มีข้อมูลที่น่าสะพรึงอยู่เยอะมาก สร้างความหดหู่ให้ผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง เช่น UN บอกว่าโลกกำลังจะร้อนเกือบ 3 องศา เป้าหมาย 1.5 องศาเป็นเพียงแค่ฝันอันเลื่อนลอย เมื่อข้อตกลงของมนุษย์เป็นแค่ความฝัน โลกจะยิ่งร้อนอย่างรุนแรง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ก็จะได้เห็น เช่น ปะการังฟอกขาวในหน้าหนาว.