สรุปดราม่า "ราเมนดัง" จากญี่ปุ่น หลายคนแห่ไปต่อคิวกิน เพราะคิดว่าเป็น "เส้นสด" สุดท้ายพบว่าไม่ใช่ พร้อมบอกรสชาติไม่เหมือนต้นฉบับที่ญี่ปุ่น
กลายเป็นดราม่าที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อร้านราเมนเจ้าดังแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ได้มาเปิดร้านชั่วคราวในไทย พร้อมจำกัดออเดอร์ต่อวัน ทำให้มีคนไปต่อคิวกันมหาศาลเป็นชั่วโมง แต่ได้มีประเด็นขึ้นมาทันที หลังจากที่หลายคนบอกว่า รสชาติที่ได้กินนั้น แตกต่างกับตอนไปทานที่ประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่ ร้านราเมนดังกล่าวได้โฆษณาว่า มีการปรุงสดใหม่ทุกวัน โดยเชฟที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น และเวลาขายมีแค่ไม่กี่วัน แต่ละวันก็จำกัดออเดอร์ จนทำให้คนแห่ไปกินกันจำนวนมาก ทำให้หลายคนเข้าใจว่า สิ่งที่บอกว่า "ปรุงสด" คือ "เส้นสด" จนกระทั่งเมื่อไปทานจริงๆ กลับพบว่ารสชาติที่ได้ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะเส้นนั้นไม่ใช่อย่างสิ้นเชิง
ต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความเปิดประเด็นขึ้นมาว่า ถ้าตนเอาราเมนสำเร็จรูปจากร้านดังในญี่ปุ่นมาขาย ลวกเส้นผสมซุป เติมหมูและไข่ต้ม แล้วบอกว่าเป็นราเมนปรุงสด ราเมนทำสด วัตถุดิบมาจากครัวกลางที่ใส่ลงกล่องสำเร็จจากญี่ปุ่น เชฟญี่ปุ่นเอามาลวกเส้นเติมซุปให้ แบบนี้คือคำโฆษณาเพื่อการตลาด หรือการหลอกลวงผู้บริโภค พร้อมกับบอกว่า เรื่องอร่อยหรือไม่อร่อยไม่เกี่ยว เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอร่อยๆ มีเยอะมาก
หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก พร้อมแชร์ประสบการณ์ไปต่อคิวรอทานราเมนแห่งนี้เป็นชั่วโมง โดยส่วนใหญ่คอมเมนต์ว่า สิ่งที่ได้ทานคือไม่ต่างจากอาหารกล่อง แบบนี้ใครก็ทำกินเองได้ หมูชาชูที่เป็นสูตรเฉพาะของร้าน พอมาไทยกลายเป็นหมูสามชั้นสไลด์
ขณะที่บางคน ได้เอาคลิปของอินฟลูเอนเซอร์ที่เคลมว่า เส้นที่ทานนั้นคือเส้นสด ไม่ใช่จากกล่องสำเร็จรูป วัตถุดิบส่งมาจากสาขาในญี่ปุ่น จนเกิดคำถามว่า อินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวเอาข้อมูลนั้นมาจากไหน เพราะถ้าสื่อสารไม่ดี ร้านก็ควรออกมาพูดตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าไม่ใช่
...
ต่อมา ยูทูบเบอร์ดัง ได้มีการส่งอีเมลไปสอบถามกับบริษัทแม่ของร้าน และทางบริษัทแม่ก็ตอบอีเมลกลับมาว่า ได้มีการตั้งร้านที่เมืองไทยจริง แต่การตั้งร้านนั้นเพื่อเป็นการโปรโมตเพื่อขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Kamadare Tonkotsu ที่มาจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งบะหมี่ที่ว่าถือเป็นของฝากจากร้านราเมนร้านนี้ และเพื่อเป็นการโปรโมตการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จึงมีการตั้งร้านเพื่อให้ลูกค้าได้มาลิ้มลอง โดยทางร้านได้ขออภัยในความสับสนที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ประเด็นดราม่าดังกล่าวจะถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ แต่ทางเพจของร้าน ก็ยังไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวใดๆ ถึงประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้น.