เปิดใจคุณยายวัย 71 ปี เล่านาทีกระโดดลง "แม่น้ำบางปะกง" แม้จะว่ายน้ำไม่เป็น เพื่อเก็บเงิน "แบงก์พัน" ใบเดียวที่มี เพื่อซื้อของประทังชีวิต จนเกือบดับ

จากกรณีเมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุบุคคลตกน้ำในแม่น้ำบางปะกง ด้านหลังสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปช่วยเหลือขึ้นมาได้ในสภาพอ่อนแรง และมีอาการเสียใจ

ทราบชื่อต่อมาคือ นางปรง ครรภ์ชัย อายุ 71 ปี อาศัยอยู่ภายในโรงหนังเก่าริมถนนมหาจักรพรรดิ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเผยว่า ครอบครัวของตนเองมีฐานะยากจน อาศัยอยู่คนละห้องกับลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน โดยมีลูกชายคนเล็กที่ป่วยพิการทางสมองอีกหนึ่งคน

...

เมื่อก่อนตนเองเป็นพนักงานขายตั๋วอยู่ที่โรงหนังแห่งนี้ กระทั่งโรงหนังปิดกิจการไป เจ้าของโรงหนังสงสารครอบครัวของตน จึงให้อยู่พักอาศัยด้านบนฟรี จากนั้นตนเองก็ไปรับจ้างล้างจาน ลูกชายลูกสะใภ้ก็หางานทำใหม่ เพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัว

กระทั่งตนเองเริ่มอายุมากขึ้น และมาป่วยหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมัน จึงทำงานไม่ไหว ต้องไปหาหมอทุกเดือนตามนัด มีรายได้แค่เบี้ยผู้สูงอายุ เพียงเดือนละ 600 บาทเพียงเท่านั้น ซึ่งเงินที่ได้มาก็ต้องเอามาเลี้ยงลูกชายคนเล็กที่ประสบอุบัติเหตุโดนรถชน จนทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน กลายเป็นผู้พิการ ไม่สามารถทำงานได้ 

ส่วนเงินหนึ่งพันบาทได้มาจากการไปรับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านสงสารครอบครัวจึงให้เงินมา ตอนนั้นดีใจมาก เพราะไม่เคยได้จับแบงก์พันนานหลายปีแล้ว แต่จับไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ปลิวหล่นน้ำ ตอนที่ตนเองกำลังเดินไปที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อจะซื้อของที่คิดไว้ ข้าวสาร สบู่ ผงซักฟอก ปลากระป๋อง 

แบงก์พันที่อยู่ภายในกระเป๋าเสื้อก็ได้ปลิวไปตามลม จนตกลงไปในแม่น้ำบางปะกง ตอนนั้นตนเองลืมตัวว่าว่ายน้ำไม่เป็น คิดแต่เพียงว่าเสียดายเงินหนึ่งพันบาทนี้ จึงกระโดดลงไป เพื่อจะนำเงินนี้มาซื้อข้าวของให้ลูกๆ ได้กินได้ใช้กัน จนมีคนมาช่วยตนเองขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย

ซึ่งคนที่ช่วยเหลือคือ นายหิรัน แย้มพินิจ อายุ 46 ปี หนุ่มพลเมืองดี กล่าวว่า เห็นนางปรงวิ่งมาขอให้ช่วยหาไม้มาเขี่ยแบงก์พันที่ลอยน้ำ แต่พอกำลังใช้ไม้เขี่ย แบงก์พันกลับจมน้ำลงไปใต้กอผักตบชวาทันที ตนเองก็ไม่คิดว่านางปรงจะกระโดดน้ำลงไปเพื่อไปงมหา จนสักพักเห็นว่าเริ่มไม่ดี เพราะนางปรงมีอาการเหมือนกำลังจะจมน้ำ จึงต้องตัดสินใจลงไปช่วย  

ต่อมานางปรงก็บอกว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่ 1,030 บาท เงิน 1,000 บาท ก็ไปขอเขามา เพื่อหวังจะนำไปซื้อข้าวสารไว้กรอกหม้อ และน้ำมันพืช กับของกินอีกนิดหน่อยเพื่อประทังชีวิต ไม่คิดว่ามันจะปลิวตกน้ำจมหายต่อหน้าต่อตา

เมื่อพลเมืองดีที่อยู่ในบริเวณนั้นทราบเรื่อง ก็ตัดสินใจควักเงิน 500 บาทให้ เพราะสงสาร บอกให้นำไปซื้อข้าวแทน ไม่ต้องตามหาแบงก์พันที่จมน้ำหายแล้ว และขอให้คิดเสียว่าฟาดเคราะห์ไป เพราะถ้าตอนนั้นไม่มีคนลงไปช่วย อาจจมน้ำเสียชีวิตแล้ว.