การรถไฟแห่งประเทศไทย ชวนไปนั่งรถไฟลอยน้ำเส้นทาง "กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" 2566-2567 เปิดให้บริการเที่ยวแรก 4 พฤศจิกายน 2566

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า ความสุขกลับมาอีกครั้ง กับขบวนรถพิเศษนำเที่ยว กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เริ่มจำหน่ายตั๋ววันแรก 25 ตุลาคม 2566

การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว "นั่งรถไฟลอยน้ำ" ไปสัมผัสบรรยากาศปลายฝนต้นหนาวกับขบวนรถพิเศษนำเที่ยว เส้นทางกรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ โดยเปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 - มกราคม 2567 พร้อมเปิดให้บริการเที่ยวแรก 4 พฤศจิกายน 2566 เริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารพร้อมกันทุกสถานีทั่วประเทศ ในวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ที่ได้ให้ความสำคัญ และต้องการให้การรถไฟฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐ เอกชน และจังหวัดต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน 

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะเปิดให้บริการแบบไปเช้าเย็นกลับ ซึ่งในปีนี้กำหนดจัดในทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 - มกราคม 2567 รวม 24 วัน (ขบวนรถงดให้บริการช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ วันที่ 30-31 ธันวาคม 2566) ประกอบด้วย

...

  • เดือนพฤศจิกายน วันที่ 4, 5, 11, 12, 18, 19, 25, 26 รวม 8 วัน
  • เดือนธันวาคม วันที่ 2, 3, 9, 10, 16, 17, 23, 24 รวม 8 วัน
  • เดือนมกราคม วันที่ 6, 7, 13, 14, 20, 21, 27, 28 รวม 8 วัน

อัตราค่าโดยสารผู้ใหญ่และเด็กราคาเดียวกัน ดังนี้

รถธรรมดา ชั้น 3 (พัดลม)

กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ไป-กลับ ราคา 330 บาท

สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 330 บาท

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ ราคา 150 บาท

รถปรับอากาศ ชั้น 2

รถนั่งปรับอากาศ (JR-WEST)

กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ไป-กลับ ราคา 500 บาท

สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 500 บาท

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ ราคา 250 บาท

รถนั่งปรับอากาศ (OTOP TRAIN และรถนั่ง/นอนปรับอากาศ JR-WEST)

กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ไป-กลับ ราคา 590 บาท

สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 590 บาท

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ 250 บาท

รถธรรมดา ชั้น 3 (รถโถง) เดินทางระยะสั้น ไม่สำรองที่นั่ง

สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 200 บาท

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังเปิดให้บริการตู้โดยสารพิเศษจัดเฉพาะเช่าเหมาคัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเป็นหมู่คณะ สามารถเช่าพ่วงเพิ่มไปกับขบวนรถนำเที่ยวดังกล่าวได้ สอบถามข้อมูลได้ที่งานตั๋วหมู่คณะ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2621-8701 ต่อ 5202

นายเอกรัชฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขบวนรถพิเศษนำเที่ยว กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 921/926 เริ่มออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) เวลา 06.00 น. ถึง จุดชมวิว "รถไฟลอยน้ำ" กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 09.25 น. โดยขบวนรถจะหยุดกลางสันเขื่อน มีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงาม 20 นาที และเดินทางไปที่สถานีโคกสลุง มีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม ชิม ช็อป สินค้าพื้นเมือง OTOP พร้อมทั้งอาหาร และของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี ประมาณ 30 นาที 

จากนั้นขบวนรถจะพานักท่องเที่ยวกลับมาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 10.35 น. นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่นชมวิวริมอ่างเก็บน้ำ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก นั่งรถตัวหนอนไหว้พระใหญ่ รับประทานอาหารกลางวันจากร้านค้าของกลุ่มชุมชนท้องถิ่น หรือท่องเที่ยวรอบนอกตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์โดยใช้บริการรถตู้ของกลุ่มรถตู้ชุมชนหน้าเขื่อนฯ ที่นำมาให้บริการเป็นพิเศษ อัตราค่าบริการท่านละ 70 บาทตลอดเส้นทาง นำชมสถานที่ท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน ทุ่งดอกดาวกระจายและทุ่งหญ้าหลากสีที่บานสะพรั่งสวยงาม ณ บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เดินทางต่อเพื่อไปชมสวนเฟิร์นยักษ์ บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ ให้ทุกท่านได้ถ่ายรูปกับบรรยากาศสไตล์ชิคๆ ที่จุดชุมวิว ณ ไร่ทรัพย์ประยูร

จากนั้น ขบวนรถเที่ยวกลับออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 15.30 น. ถึงสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) เวลา 18.50 น. นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลงตามจุดต่างๆ โดยมีสถานีที่หยุดรับ-ส่ง ได้แก่ สถานีชุมทางบางซื่อ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา สระบุรี และชุมทางแก่งคอย การรถไฟฯ เริ่มเปิดจองตั๋วโดยสารตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป 

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสาร และสำรองที่นั่งล่วงหน้า (สูงสุดไม่เกิน 30 วัน) ด้วยระบบ D-Ticket หรือที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

ท้ายนี้ การรถไฟฯ คาดหวังว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจฐานราก และชุมชนให้กลับมามีความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป.

ข้อมูลจาก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย