เจ้าของร้านนมสด ขนมปัง ที่หาดใหญ่ เจอยื่นโนติส เรียก 7 แสน หลังมีสติกเกอร์คำว่า "ปังชา" ติดที่ป้ายไฟหน้าร้าน ทั้งๆ ที่ไม่มีเมนูที่เหมือนกัน แต่ยอมลอกออกให้ เพราะไม่อยากมีปัญหา

วันที่ 30 ส.ค. 66 จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อร้านดังได้โพสต์ข้อความระบุว่าได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "ปังชา" พร้อมสงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข และสงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ปังชา Pang Cha ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไปใช้เป็นชื่อร้านหรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย

ซึ่งต่อมานักกฎหมาย และทนายหลายๆ คนก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ในทำนองเดียวกันว่า ทางร้านมีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า, สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์, จดแจ้งลิขสิทธิ์ จริง แต่จะไปห้ามใครทำ บิงซู หรือน้ำแข็งไส ใส่ชาไทย ไม่ได้ ดังที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 



กระทั่งต่อมาทางร้านได้โพสต์ข้อความ ชี้แจง พร้อมขออภัยที่มีการสื่อสาร และทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งที่จากกระแสที่เกิดขึ้น ทางร้านไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ได้มีการสอบถามและหาปรึกษาแนวทางร่วมกัน ชี้แจงกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงออกมาชี้แจง ณ ที่นี้พร้อมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ล่าสุด พบว่า ร้านดังกล่าวได้มอบหมายให้ทนายความ ยื่นหนังสือโนติส แจ้งให้คู่กรณีทราบว่า จะมีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดเครื่องหมายการค้า และเรียกค่าเสียหายกับทางร้านขนมหวานและร้านชา โดยพบว่ามีร้าน "ปังชา" ที่ จ.เชียงราย และล่าสุดอีกร้าน เป็นร้านชาที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งก็ได้รับหนังสือเรียกค่าเสียหาย 7 แสนบาท จากการใช้คำว่า "ปังชา" ที่ป้ายไฟของร้าน

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านชาชื่อ "ทางช้างเผือก" ตั้งอยู่ภายใน ซ.4 ถ.ศุภสารรังสรรค์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พบกับเจ้าของร้านคือ น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ กาญจนโสรัตน์ อายุ 30 ปี เล่าให้ฟังว่า ร้านเพิ่งเปิดขายชาและนมสด เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา และต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ส.ค. ก็ได้รับหนังสือจากทนายที่อ้างว่า ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทใหญ่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชาและของหวานเจ้าดังในกรุงเทพฯ เพื่อขอให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า เเละเรียกค่าเสียหาย พร้อมกับแนบเอกสารตัวหนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 26 ก.ค. 66 จำนวน 2 ใบ และเอกสารรูปภาพหน้าเพจ และป้ายไฟของร้านที่มีการติดสติกเกอร์ด้วยตัวอักษรสีฟ้าคำว่า "ปังชา" ที่ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้า

โดยในหนังสือยังระบุว่า จะมีการเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 7 แสนบาท หากล่าช้าจะปรับเงิน 1 หมื่นบาทต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมาย รวมทั้งให้แสดงความขอโทษผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ รวมทั้งจะมีการเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม หากพบความเสียหายในส่วนอื่นๆ ด้วย


น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ เผยต่อว่า หลังได้รับหนังสือก็ตกใจมากว่า ทำผิดอะไร และต่อมาได้มีการติดต่อไปยังผู้รู้กฎหมาย รวมทั้งเจ้าของร้านที่เชียงใหม่ ที่ปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ เพื่อหาออก ซึ่งทางร้านขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้าของร้านดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะคำว่า "ปังชา" ทางร้านแค่เพียงใช้สื่อความหมายรวมถึงขนมปัง และชา เอาไว้ในคำๆ เดียวเท่านั้น และที่ร้านก็มีคำว่า "ปังชา" เพียงจุดเดียวคือ บริเวณป้ายไฟหน้าร้าน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นชื่อร้าน และลักษณะของร้านก็คนละแนวกันด้วย 

เบื้องต้น ทางร้านได้ทำการลอกสติกเกอร์สีฟ้า คำว่า "ปังชา" ออกไปจากป้ายไฟหน้าร้านแล้ว เพื่อตัดปัญหา รวมทั้งในเพจของทางร้านที่บางโพสต์จะมีแฮชแท็กปังชา ก็ลบออกด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่อยากมีปัญหา 

และทางร้านได้มีการติดต่อกับทางร้านที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้รับหนังสือโนติสเหมือนกัน รวมถึงสอบถามข้อมูลนักกฎหมาย ทนาย เพื่อขอคำปรึกษา แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งก็อยากให้ทางร้านดัง เห็นใจเจ้าของร้าน และผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วย รวมถึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ และทำให้กระจ่าง เพราะล่าสุดทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่ได้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้าแต่อย่างใด.