ทะเลกำลังแปรปรวน อ.ธรณ์ เผยข้อมูลจากสถานีตรวจวัดทะเลอยู่ที่ศรีราชา ล่าสุดน้ำทะเลร้อนกว่าปกติ 1 องศา ในเดือนสิงหาคม คาดอยู่ในระดับเอลนีโญปานกลาง
วันที่ 29 สิงหาคม 2566 มีรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความว่า "คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ มีสถานีตรวจวัดทะเลอยู่ที่ศรีราชา เป็นแห่งเดียวของทะเลไทยที่ให้ข้อมูล real time
หลายวันที่ผ่านมา ผมเช็กข้อมูลจากสถานีของเราเป็นระยะ จึงนำมาบอกเพื่อนธรณ์เพื่อติดตามสถานการณ์ ข้อมูลแรกคืออุณหภูมิน้ำทะเล จุดตรวจวัดอยู่ที่ความลึก 5-6 เมตร ไม่ใช่ที่ผิวหน้า อุณหภูมิขึ้นลงอยู่ที่ 31-32 องศา มีบางจังหวะพุ่งไปแตะ 33 องศา หากดูค่าเฉลี่ย 31-32 องศา ถือว่าไม่โหดหากเทียบกับน้ำในหน้าร้อน แต่ถ้าเทียบกับน้ำในหน้าฝน ในช่วงเดือนสิงหาคม/กันยายน ถือว่าสูงกว่าค่าปรกติที่ควรจะอยู่ประมาณ 30-31 องศา (ที่ความลึกเดียวกัน) ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อาจมีกระชากไปถึง 32 องศาอยู่บ้าง แต่ไปถึง 33 องศา บอกเลยว่ายังค้นไม่เจอ
ข้อมูลนี้พอบอกได้ว่า เอลนีโญเริ่มส่งผล ทำให้น้ำทะเลร้อนกว่าปกติ 1 องศา ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับเอลนีโญปานกลาง หากสูงเกิน 1 องศาเมื่อไหร่ ความแรงจะเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะตามการคาดการณ์ เอลนีโญจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนพีกสุดช่วงปลายปี/ต้นปีหน้า
ข้อมูลอีกอย่างที่นำมาให้ดูคือคลอโรฟิลล์ a ที่เป็นดัชนีบ่งบอกน้ำเปลี่ยนสี (น้ำเขียวจากแพลงก์ตอนพืชสะพรั่ง) จะเห็นค่ากระชากพุ่งสูงเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา อันเป็นช่วงที่บางแสน/ศรีราชาเจอน้ำเขียว ทั้งหมดนี้บอกว่าทะเลกำลังแปรปรวน เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อเรียนรู้และพัฒนาต่อไปจนคาดการณ์และทำนาย เพื่อการรับมือกับยุคโลกร้อนทะเลเดือด
...
ปัญหาคือทั้งทะเลมีสถานีเรียลไทม์แบบนี้อยู่จุดเดียว ที่เหลือต้องส่งคนไปเก็บข้อมูลเป็นระยะ จะเก่งยังไงก็คงวิเคราะห์อะไรไม่ได้มาก
รัฐบาลใหม่กำลังจะมา สิ่งหนึ่งที่ผมบอกมาตลอดคือเราต้องลงทุนเพื่อเรียนรู้ทะเลมากกว่านี้ หากอยากรับมือ/ปรับตัวเพื่อให้การทำมาหากินอาชีพการงานไปต่อได้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพัฒนาระบบเก็บข้อมูล/งานด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและสมุทรศาสตร์ จะก้าวไปข้างหน้าบ้าง ในวันที่โลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยแบบไม่มีแผ่วครับ
ขอบคุณ สสน. ที่ทำงานร่วมกับเรามาตลอด จนได้สถานีตรวจวัดเรียลไทม์แห่งเดียวของทะเลไทย ที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งครับ"