"เปิดปากกับภาคภูมิ" ถกดราม่า "ครูกายแก้ว" กัมพูชาดึงสติบอกเป็น "อสุรกาย" คิดให้ดีหากจะบูชา ขณะที่นักวิชาการบอก ไม่มีที่มาชัดเจน

วันที่ 17 ส.ค. 66 รายการเปิดปากกับภาคภูมิ โดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ วันนี้ เป็นการพูดคุยกันกับกระแส "ครูกายแก้ว" ระหว่างความเชื่อกับความงมงาย หลังจากนักประวัติศาสตร์ชี้ "ครูกายแก้ว" ไม่มีตัวตน เป็น "อสุรกาย" หักล้างความเชื่อของสายมู ที่ว่าให้โชคลาภ

โดยแขกรับเชิญที่มาร่วมวิเคราะห์ในวันนี้ อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา, ดร.อุเทน วงศ์สถิตย์ ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ดร.ศุภาชัย ผ่องสวัสดิ์ ประธานกรรมการสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ และ นายสุรเวท โตเจริญ เลขาฯ สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย

เมื่อสอบถามถึงที่มาของ "ครูกายแก้ว" อ.จตุรงค์ บอกว่า ก่อนเป็นข่าวก็เคยเห็นมาบ้าง ตามกลุ่มพระเครื่อง แต่เป็นรูปปั้นเล็กๆ เท่านั้น ขณะที่ ดร.อุเทน บอกว่า ได้ยินก็ตอนเป็นข่าวแล้ว ซึ่งในศิลาจารึกก็ไม่ปรากฏว่าเป็นครูของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชื่อ "กายแก้ว" ก็ไม่ใช้คำสันสกฤต ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่ามาอย่างไร ถึงมีการกล่าวอ้างขนาดนั้น 

...

อ.จตุรงค์ บอกด้วยว่า ส่วนตัวไม่ได้เชื่อที่มา ตามที่มาการกล่าวอ้าง กรณีพระธุดงค์ อีกทั้งรูปปั้นที่ออกมา เหมือน "การ์กอยล์" งานของต่างประเทศมากกว่า 

ดร.อุเทน บอกด้วยว่า ที่กัมพูชาเอง มี "มหิทธิกาเปรต" เป็นหนึ่งในเปรต 12 ชนิด ที่อยู่ในคติของพุทธศาสนา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับครูกายแก้ว แต่พบว่ามีลักษณะบางอย่างที่คล้ายกัน ท่านั่ง ซี่โครง ร่างกายผ่ายผอม สีดำ ปากมีสีทอง ตาลุกวาว ฯลฯ มีการอุปมาว่า เป็นเปรตภาคหนึ่งของเณรน้อย ผู้ปฏิบัติศีล ปฏิบัติธรรมได้ฌาน สมาบัติ เล็กๆ น้อยๆ แล้วอวด เพื่อให้ได้ลาภสักการะ พอตายไปก็เป็น "มหิทธิกาเปรต" มีฤทธิ์ดลบันดาล ขอได้ และที่มหิทธิกาเปรตมีร่างกายผอม ก็เพราะว่าไม่สามารถบริโภคอะไรที่ดีๆ ได้ แต่กินของสกปรกได้ 

เกี่ยวกับครูกายแก้ว ก็มีสื่อกัมพูชาที่ออกมาดึงสติคนไทยว่า หากจะบูชา อยากให้คิดให้ดีก่อน โดยใช้คำว่า "อสุรกาย" ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกว่า "ครูกายแก้ว" เป็นของเขา และของดีๆ เป็นที่เคารพบูชา ก็ยังมีอีกเยอะ

อ.จตุรงค์ บอกด้วยว่า หากถามตน ตนมองในเรื่องของไสยพาณิชย์ ธุรกิจความเชื่อ เก่งในเรื่องพีอาร์ ก่อนหน้านี้มีชิ้นส่วนเครื่องบินติดสะพานแถวพระราม 2 จากนั้นมาก็มีครูกายแก้วติดสะพาน แล้วแถวนั้นรถติด คนก็ทวีตด่ากันเป็นแถว ทำให้ได้พื้นที่สื่อ อีกทั้งลูกหลานผู้สร้างก็ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่สนกระแสว่าจะบวกหรือลบ "ยิ่งตี ครูก็ยิ่งดัง" แล้วมันก็ได้จริงๆ ซึ่งคนที่จะมู ต้องมีสติ 2 ประการ คือ ไม่ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น ถ้าทำได้ก็ทำไป ตนดีใจด้วยซ้ำที่อยู่ในที่เอกชน ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวัด ถ้าเป็นวัดไหนทำ ตนก็จะมาอีกโหมดหนึ่ง สำนักพุทธฯ อาจจะไปเยี่ยมวัดได้

ดร.ศุภาชัย บอกว่า หลายคนไม่สบายใจเรื่องนี้ ชาวพุทธส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นสิริมงคล อีกทั้งมาตั้งอยู่กลางเมือง และอยากเสนอแนะไปยังเจ้าของสถานที่ว่า ดูแล้วไม่เป็นมงคล แต่เขาจะย้ายออกหรือไม่ก็เป็นสิทธิ เพราะเป็นที่ของเอกชน 

นายสุรเวท บอกว่า สิ่งที่เราห่วงคือ ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเรื่องของวัฒนธรรม หลังสื่อต่างชาติในอาเซียนมองว่า ตอนนี้ไทยกำลังเชื่อเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ไทยเราเองยังมีวัฒนธรรมที่ดีอีกมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เพราะเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะเคารพบูชา เพราะบางคนก็ไหว้รกแมว ไหว้สัตว์ 2 หัว ฯลฯ แต่ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาคอนเฟิร์มให้หน่อยว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่

นายเทพฤทธิ์ แป้นสุข ลูกศิษย์ อ.หน่อย พลิกฟ้า ผู้สร้างครูกายแก้ว เล่าว่า รูปปั้นครูกายแก้วที่มาตั้งที่ห้วยขวางนั้น มาจากการที่เจ้าของโรงแรมอยากแก้ฮวงจุ้ย จึงมาปรึกษากับ อ.หน่อย อาจารย์ก็บอกว่าถ้าตั้งองค์นี้แล้วจะดี แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการอยากให้เป็นข่าว หรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครเพื่อสร้างกระแส

ติดตามได้ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ เวลา 15.30 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.