ฟังอีกมุม เจ้าของร้านข้าวแกง ชี้แจงขอความเป็นธรรม ปมลูกค้ารีวิวอาหาร อ้างถูกเจ้าของร้านบุกไปถึงบ้าน ยันไม่ได้ข่มขู่

วันที่ 1 สิงหาคม 2566 มีรายงานว่า จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง อ้างว่าได้โพสต์รีวิวอาหาร แต่กลับดันโดนทางร้านส่งคนมาถึงที่บ้าน กล่าวหาว่ารีวิวให้ไม่ดี (อ่านข่าว สาวผวา เจ้าของร้านอาหาร ยกพวกบุกมาหาถึงบ้าน หลังเขียนรีวิว "ได้น้อยกว่าปกติ"

ล่าสุดวันนี้ เจ้าของร้านโกแก้ว ข้าวแกงเมืองคอน 2  ได้ขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน โดย น.ส.ธนาวดี คล้ายคง อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า จากกรณีที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ ที่มีลูกค้าได้สั่งกับข้าวผ่านแอปฯ หลังจากนั้นลูกค้าก็รีวิวมาว่าได้ของน้อยบ้างอะไรบ้าง แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรก็ปล่อยผ่านไป แต่พอมาวันหลังลูกค้าท่านนี้ก็สั่งอีกและรีวิวมาว่ากับข้าวได้น้อยนะช่วงนี้แต่ยังให้ดาวก็ยังโอเคอยู่ 

แต่วันสองวันนี้ลูกค้าคนเดิมก็สั่งมาอีกและ คอมเมนต์มาอีกว่าหมูทอดถุงละ 60 บาทได้แค่ 12 ชิ้น ทางร้านเลยติดใจ ส่งข้อความในแชตไปทักหาลูกค้า แจ้งลูกค้าว่า ลูกค้าคะ ช่วยติดต่อทางร้านด้วยนะคะ ทางร้านจะอธิบายให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ทางลูกค้าไม่ติดต่อกลับอะไรเลย 

ต่อมาลูกค้าก็สั่งมาอีก ทางร้านก็จัดส่งให้ หลังจากนั้นก็รีวิวมาอีกว่า ได้น้อยนะ หมูหวานได้นิดเดียวนะ ผักที่ตักได้ตักแค่ทัพพีเดียวเอง ทางร้านค้าก็ส่งข้อความติดต่อผ่านทางแอปฯ ลูกค้าไปอีก และให้เบอร์โทรกับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าโทรกลับมาว่าได้น้อยอย่างไร แต่ลูกค้าก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา

หลังจากนั้น ตนเองจึงได้โพสต์ข้อความชี้แจง โดยโพสต์ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2566 ไม่ได้โพสต์หลังจากที่ไปหาลูกค้าที่บ้าน เป็นการโพสต์เพื่อที่จะหาชื่อคนคนนี้ ไม่ได้ประจานชื่อแต่อย่างใด หลังจากนั้นที่โพสต์ไปในโซเชียล ลูกค้าคนนี้เขาสั่งมาอีก และรีวิวอีกว่า ได้กับข้าวน้อยจังช่วงนี้

...

จากนั้นวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 ก็สั่งมาอีกรอบ แต่ลูกน้องเห็นออเดอร์และเห็นเบอร์ของลูกค้ารายนี้ก่อนที่ไรเดอร์จะมารับ ลูกน้องจึงส่งเบอร์ให้กับเจ้าของร้าน เลยโทรกลับไปหาลูกค้าประมาณ 5-6 สายแต่ไม่รับสายแต่อย่างใด

หลังจากปิดร้านจึงไปหาลูกค้ารายนี้ในตอนเย็น ซึ่งสืบที่อยู่จากในแอปฯ และในที่สุดก็ไปจอดที่บ้านหลังหนึ่งก็เลยถามว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณป้าวราภรณ์หรือเปล่า ซึ่งพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในบ้าน แล้วป้าก็เดินออกมา ตนจึงบอกว่ามาจากร้านข้าวโกแก้วนะคะ ป้าชื่อคุณวราภรณ์หรือเปล่าคะ ป้าบอกว่าใช่ 

ตนได้บอกไปว่า หนูอยากมาสอบถามอาหารที่ป้าได้รับไปว่าได้น้อย จะมารับทราบว่าได้น้อยอย่างไรคะประมาณนี้ แต่ทางเราก็ไปพูดดีกับป้า พูดดีทุกคำไม่ได้ข่มขู่ไม่ได้ดุด่าว่าอะไรเลย พวกเราไปกัน 4 คนมีตนมีลูกน้อง 2 คนแล้วก็แฟนอยู่ในรถไม่ได้ลงไป ไม่ได้ข่มขู่อะไรเลย คุยไปว่าถ้าป้าได้กับข้าวน้อยให้โทรเบอร์ที่ร้านได้เลย เพราะเบอร์โทรร้านโชว์หน้าแอปฯ แล้วว่าได้กับข้าวน้อย ทางร้านจะได้จัดการให้ ถ้าป้าไม่โทรป้าก็ไปที่ร้าน เอาสินค้าไปให้ลูกน้องจะได้เปลี่ยนให้ว่าได้น้อยจริงไหม

หลังจากนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน รุ่งเช้าช่วงเที่ยงคืนอีกวันนึง ตนมีอีกอาชีพหนึ่งคือขายหมู พอเที่ยงคืนไปขายหมูก็มีคอมเมนต์ทัวร์ลงในเฟซบุ๊กเยอะมาก ทั้งเฟซบุ๊กร้านและเฟซบุ๊กของตัวเอง และมีผู้ชายทักมาหาบอกว่าทำไมลงโพสต์แบบนี้ ตนก็ขอโทษด้วย เราไปหาเราไม่ใช่บุกรุกเพราะว่าเราติดต่อไม่ได้เลยเราเดือดร้อนมาก เราแค่ไปคุยไปสอบถาม

ตอนที่ยืนคุยกันกับป้า ก็ยืนคุยกันปกติไม่ได้มีทะเลาะกัน อยากขอชี้แจงอย่างหนึ่งว่าที่ยอดขายของร้านที่ไปคุยกับป้าว่ายอดขายตกเป็นแสนนี้ไม่จริงนะคะ แค่บอกป้าว่าจากการรีวิวของป้าทำให้ยอดขายของร้านลดลงในแอปฯ จากหมื่นกว่าเหลือ 7-8 พันบาท ไม่ได้เป็นแสนเลยแบบนั้น ป้าพูดนอกประเด็น เรื่องข่มขู่ทางลูกหลานเขาไปโพสต์ว่าทางเราไปข่มขู่ เราไม่ได้ข่มขู่แต่อย่างใดเลย ถ้าข่มขู่ชาวบ้านข้างๆ ก็ต้องออกมาดูใช่ไหม

ป้าบอกว่าตรงที่ป้าให้สัมภาษณ์หลังจากมาคุยกับป้าเสร็จเรียบร้อยแล้วทางเราไปลงโพสต์ประจานป้า ไม่ใช่นะคะ ที่เราลงโพสต์ไปเกิดขึ้นก่อนแล้วก่อนที่จะไปหาป้าไม่ได้ประจานแค่อยากทราบว่าคนคนนี้อยู่ตรงไหนเผื่อใครรู้จักจะได้ติดต่อเพื่อเราจะได้ติดต่อป้าได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาหารของเรา และที่ตอนโพสต์ว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ เพราะตนไม่เคยรู้จักป้าเลยมันก็เลยคิดแค่นั้นแต่ไม่ได้โพสต์ประจานป้า