คุยกับ "ช่อ พรรณิการ์" ฝ่าชะตากรรม "ก้าวไกล" หรือจะซ้ำรอย "อนาคตใหม่" พร้อมตอบชัด หรือก้าวไกลจะยอมถอยเป็นฝ่ายค้าน?
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญวันนี้ นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริการคณะก้าวหน้า ถึงประเด็นชะตากรรม "ก้าวไกล" หรือจะซ้ำรอย "อนาคตใหม่"?
เมื่อถามว่า หลังจากอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค ปัจจุบันยังเหลือเวลาที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีกกี่ปี เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางสาวพรรณิการ์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่เคยตั้งใจนับเลย พรรคถูกยุบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ปัจจุบันผ่านมาแล้วประมาณ 3 ปีครึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ เวลาพูดว่า "ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง" จะรู้สึกว่าไม่สามารถทำอะไรทางการเมืองได้เลย
แต่เราพิสูจน์แล้วว่ายังมีทางไปเสมอ เราทำการเมืองท้องถิ่น เรารณรงค์ทางความคิด เพราะฉะนั้นโทษแบน 10 ปี ไม่มีความหมายอะไร เพียงแค่ลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรี เป็น สส. ไม่ได้ ซึ่งเราไม่ได้อยากทำงานเพื่อเป็นรัฐมนตรี เราทำงานเพราะอยากสร้างความเปลี่ยนแปลง
คณะก้าวหน้า กับ พรรคก้าวไกล เหมือน-ต่างกันอย่างไร
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า อันดับแรกคณะก้าวหน้า กับ พรรคก้าวไกล เป็นหน่อเนื้อเดียวกันแน่ เป็นองคาพยพที่เกิดจาก "อนาคตใหม่" เมื่ออนาคตใหม่ถูกยุบ ทำให้คณะกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ แยกไปตั้งคณะก้าวหน้า ทำงานท้องถิ่น ทำงานทางความคิด ส่วนทางก้าวไกล ทำงานในสภาต่อไป แม้จะชื่ออื่นแต่จริงๆ แล้วคือหน่อเนื้ออุดมการณ์แบบอนาคตใหม่ เราถือว่าเรายังทำงานร่วมกันเท่าที่กฎหมายจะอนุญาต ไม่ครอบงำแน่นอน
...
"ถ้าคุณยังยึดถือว่าพรรคเป็นบุคคล อันนั้นเป็นพรรคที่ยึดติดที่ตัวบุคคล แต่การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยมันยาว ดังนั้นจะทำให้พรรคผูกติดกับเราไม่ได้ พรรคจะต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ใครที่มีอุดมการณ์ แนวทางตรงกับพรรค ก็สามารถเข้ามาทำงานบริหารพรรค เป็น สส. ของพรรค เป็นบุคลากรของพรรคแล้วนำต่อไปได้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่เราไม่เคยคิดว่าต้องเข้าไปครอบงำหรือบงการพรรค ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย"
นางสาวพรรณิการ์ เล่าถึงความรู้สึกตอนไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคก้าวไกลว่า ก่อนจะลงสมรภูมิหาเสียงจริง ไม่มีความมั่นใจเลย เพราะกระแสแลนด์สไลด์มาแรงมาก จนกระทั่ง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายเริ่มมั่นใจ เพราะเราเจอประชาชนตลอดเวลา ไม่เหมือนตอนอนาคตใหม่ที่คนไม่หือไม่อือ แต่ตอนนี้คนรู้หมดแล้วว่านโยบายเราคืออะไร มีเสียงตอบรับ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะคะแนนเสียงเยอะกว่าสมัยอนาคตใหม่ แต่ด้วยความสัตย์จริง ไม่มีใครคิดเลยว่าจะกลายเป็นพรรคอันดับ 1 และเชื่อว่าแกนนำของพรรคก้าวไกลเองก็ไม่คิดเหมือนกัน
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวอีกว่า กล้าพูดเลยว่าความไม่คาดคิดนี่แหละ ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลนั้นยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ เพราะว่ามันไม่เป็นไปตามที่คิด และไม่เป็นไปตามที่ดีล โดยคงระบอบประยุทธ์ไว้ จึงมีความคิดว่าจะทำอย่างไรให้พรรคอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาล
"พรรคก้าวไกล" จะยอมถอยเป็นฝ่ายค้านหรือไม่?
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า ต้องถามกลับว่า ข่าวนี้มาจากไหน และต้องถามอีกว่า ข่าวที่บอกว่า คุณธนาธรกับคุณทักษิณคุยกันแล้ว ก้าวไกลจะโหวตให้เพื่อไทย โดยตัวเองยอมไปเป็นฝ่ายค้าย โดยไม่มี 2 ลุง
เรื่องนี้ตนขอพูดตรงนี้เลยว่า "ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นก้าวหน้า ไม่เคยมีการไปตกลงกับพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าไม่มี 2 ลุง ก้าวไกลจะยอมเป็นฝ่ายค้าน แล้วโหวตให้พรรคเพื่อไทยที่มีแคนดิเดตเป็นคุณเศรษฐา เราไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น แต่เราบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล หรือก้าวหน้า ไม่เคยมีใครไปตกลงกับพรรคเพื่อไทยแบบนี้ คำถามคือมีการปล่อยข่าวออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลเป็นแบบรักทางไกล ติดต่อกันผ่านสื่อ
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า การที่ให้ก้าวไกลปิดสวิตช์ สว. โดยให้ก้าวไกลเป็นไปฝ่ายค้าน เรื่องนี้ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. แต่เป็นการให้ก้าวไกลใช้มือตัวเองปิดสวิตช์ตัวเอง
ถ้าจะปิดสวิตช์ สว. จริงๆ ขออ้างอิงคำพูดของคุณชลน่าน ที่พูดไว้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 พูดไว้ว่า "เราต้องทำให้ประชาชนไว้ใจ ตราบใดที่เราสองพรรครวมกัน ไม่มีทางพลิกขั้ว ทิ้งพรรคก้าวไกล ไม่เกิดขึ้นแน่นอน ไม่ทิ้ง ยกเว้นสถานการณ์อย่างอื่นเกิดขึ้น สิ่งที่เราหวังที่สุดคือถ้าเลือกไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลก็มัดกันอยู่ เพื่อไปหาทางออกวิธีอื่น"
ซึ่งวิธีอื่นนั้น ตนขอเสนอสูตรว่า เพื่อไทยกับก้าวไกลจับมือกันบวก 8 พรรค อาจจะบวกพรรคอื่นอีกนิดหน่อย รวม สว. 13 คนที่โหวตให้ครั้งที่แล้ว แล้วไปบอกภูมิใจไทยว่า ช่วยกันปิดสวิตช์ สว.
ทำไมก้าวไกลไม่ยอมถอย มาตรา 112
นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นตัวตัดสินเลยว่า ฉันทามติของประชาชนกับฉันทามติของผู้มีอำนาจไม่กี่คน ใครใหญ่กว่ากัน ซึ่ง 14 ล้านเสียงที่เลือกก้าวไกล ไม่ได้มีปัญหากับนโยบายนี้ของก้าวไกล
และเชื่อจริงๆ ไหมว่า ถ้าก้าวไกลถอยเรื่องนี้แล้วจะได้เป็นรัฐบาล เพราะตอนที่อนาคตใหม่โดนยุบพรรคก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งนโยบายนี้เกิดขึ้นในพรรคก้าวไกล
พร้อมกับฝากถึงพรรคเพื่อไทยว่า คนที่อยู่กับคุณเสมอและจะไม่ทิ้งคุณคือประชาชน ประชาชนไม่มีวันหักหลังคุณถ้าคุณไม่หันหลังให้กับความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขามีให้ก่อน ครั้งนี้ขอให้คิดดีๆ อย่าทิ้งความไว้วางใจที่ประชาชนมีให้คุณในฐานะพรรคการเมืองที่สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่หลายอย่างไว้กับการเมืองไทย.