โซเชียลแห่ให้กำลังใจ หลังเจ้าของแกลเลอรีโพสต์เศร้า เปิดให้คนเข้าชมนิทรรศการฟรี แล้วมีคนทำผลงานศิลปะพัง แต่กลับไม่แสดงตัวรับผิดชอบ ย้ำไม่ได้ติดใจเรื่องเงิน แต่อยากให้คนไทย มีวัฒนธรรมในการเข้าชมงานศิลปะมากกว่านี้

วันที่ 23 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อ แฟนเพจเฟซบุ๊ก ATT 19 ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ATT 19 เป็นเเกลเลอรี ที่เข้าชมฟรีตลอด เราตั้งใจทํานิทรรศการเพื่อให้คนในเมืองไทยได้เห็นอะไรใหม่ๆ ได้ออกจากห้าง ได้ความรู้ เราเป็นเเกลเลอรีเอกชน เเกลเลอรีครอบครัว เเต่คนดูบางกลุ่มทําเสมือนสถานที่เราเป็น public space เป็นห้างสรรพสินค้า

วันนี้ตั้งเเต่เปิดมา มีคนเข้าชมนิทรรศการเกิน 200 คน เเละใน ชม.ที่เเล้ว ทางทีมได้ยินเสียงดัง และด้วยความที่คนเยอะ staff ไม่พอ คุณพ่อต้องวิ่งขึ้นไปดู จนได้เจอเเจกันของศิลปินโม จิรชัยสกุล เเตกหักเป็นเสี่ยงๆ โดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบ ดอกไม้กระจัดกระจายไปทุกที่

งานนี้ไม่ใช่เเค่งานที่มีมูลค่า เป็นงานที่มีคนๆ หนึ่งทำด้วยมือ ทำด้วยใจ เราถามว่าถ้าไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเเน่นอนมันเป็นอุบัติเหตุ เราถามว่า ยืดอกรับผิดชอบ และให้เกียรติต่อมนุษย์อีกคน มันยากลำบากมากใช่ไหม หรือการมาชมงาน คือ การมาทำ content ถ่ายรูปตัวเอง จนไม่สนใจสิ่งที่มาดูด้วยซํ้า งานที่ทุกคนได้มาชม ไม่ได้เกิดขึ้นมาได้ฟรีๆ ผลงานไม่ใช่เป็นสิ่งที่เเตกเเล้วสร้างขึ้นใหม่ได้

ทางทีมของมุกประสบอะไรมาเยอะ เราใจเย็น เราสอนมาตลอด เเต่สิ่งนี้ทำให้เราผิดหวัง เหนื่อยใจ และเศร้า หากใครเห็นเหตุการณ์ เรารบกวนพิม direct dm มาที่ ATT19 หรือ @mookiemoo เราไม่เคยคิดค่าเข้า เราทําทุกอย่างด้วยใจ หรือมันถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยน บอกจากใจจริงของแกลเลอรี ที่มีคนอยู่เบื้องหลังเเค่ครอบครัวเล็กครอบครัวหนึ่ง คุณเคยตระหนักถึงงานที่เราทําไปเพื่อให้คนได้มาดูไหม

...

ต่อมา ทางเพจยังโพสต์ข้อความอีกว่า อันนี้มุกบอกตามตรงนะคะ ในวันที่มันเหนื่อยมากๆ พี่ซูโดนเด็กพูดไม่ดีใส่ รูปภาพโดนจับอย่างกับเสื้อผ้าในร้านค้า เก้าอี้ทุกตัวโดนนั่งอย่างกับมันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราขาย ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องการคิดค่าเข้ามันไม่ได้ผุดขึ้นมาในหัวเรา เราคิดถึงมันตลอดเวลา

เเต่เรานั้นไม่ใช่หอศิลป์ ถึงหลายๆ คนอาจจะเคยเข้าใจเเบบนั้น เราเป็นเเกลเลอรีเอกชน เราเป็น commercial gallery - สําหรับศิลปินเราทำหน้าที่ ทั้งให้ความรู้ (incubation for emerging artists) ทั้งปกป้องศิลปิน ทั้งช่วยขาย ทํา PR และ represent ผลงานในทีม 2-3 คนนี้ของมุก (ที่รวมตัวมุกเองด้วย) สําหรับคนดู มุกคิดว่าเรามีหน้าที่ที่จะให้ความรู้ กระตุ้นความคิดใหม่ๆ สร้าง community และเปิดความเข้าใจเเละปรับทัศนคติผ่านงานศิลปะ

เราเองเป็นคนที่มีความฝัน ฝันที่คนไทยโดยเฉพาะน้องๆ เด็กๆ ได้เข้าเเกลเลอรี ได้เข้าพิพิธภัณฑ์ เหมือนเด็กๆ ประเทศอื่นเขา หากเราอยากสร้างประเทศที่ดี ที่มี creatives ที่เก่ง หรือเเม้เเต่ผู้บริหารที่ดี ศิลปะและประวัติศาสตร์เป็นสื่อกลางที่ช่วยสอนอะไรได้หลายๆ อย่าง

มุกโชคดีที่คุณพ่อคุณเเม่เข้าใจในสิ่งที่เราทํา ถามว่ามันเป็น business model ที่ฉลาดที่สุดไหม มันก็คงไม่ใช่ ถามว่าเราทําเงินได้เยอะล้นฟ้าไหม มันก็ไม่ใช่เช่นกัน ค่าเข้าไม่ได้ช่วยเเก้ปัญหาจากต้นตอได้ เเละอะไรคือค่าเข้าที่เหมาะสม สำหรับผู้ชมของมุกบางคน 50-60 บาทนั้นก็มากมาย กว่าจะนั่งรถเมล์มาก็ยากมากเเล้ว

เด็กบางคนใส่ชุดนักเรียนมาดูคนเดียว รูปไม่ถ่ายเลย ชุดก็เก่าเหลือเกิน ทุกคนไม่ได้โชคดีที่มีพ่อเเม่ที่เข้าใจและพาลูกมาดูงาน หรือสนับสนุนงานศิลปะด้วยซํ้า เราอยู่หน้างาน เรารับรู้ เราสร้างพื้นที่เรา เเละการบริการรอบๆ คนของเรา มุกจําคนที่มาที่เเกลเลอรีบ่อยๆ ได้เกือบทุกคน

ในมุมมองคนที่ชอบถ่ายรูป และจ่ายค่าเข้าได้ (ไม่ว่ามันจะเท่าไร) มุกก็คิดว่ามันก็คงกลายเป็น "ก็จ่ายเงินเเล้ว จะถ่ายตรงไหนก็ได้" อันนี้ถ้าใครตามมุกมานานพอ เคยมีนางเเบบคนหนึ่งที่มาถ่ายรูปเชิงพาณิชย์ที่เเกลเลอรีมุก มา attack เรา เเละพูดแบบนี้ ด้วยการยกตัวอย่างหอศิลป์เพื่อนมุกนะคะ ซึ่งเพื่อนเราก็ยืนยันถึงจ่าย ก็ไม่ได้ถ่ายรูปแบบนั้นได้ค่ะ

สุดท้ายเเล้ว สำหรับศิลปินโดยเฉพาะศิลปินรุ่นเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น การมี feedback จากคนดู คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในการเรียนรู้ หากเราคิดค่าเข้าคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการดูงานจริงๆ ก็จะเข้าไม่ถึงอีกต่อไป อีกทั้งเราอาจจะปิดกั้นการขายสำหรับศิลปินด้วย เพราะเราก็ไม่รู้เลยว่าจะมีใครผ่านมา

สุดท้ายเเล้ว มุกเเละทีมเชื่อมั่นและคิดมาตลอดว่า การสร้างวัฒนธรรมในการเข้าชมศิลปะคือทางออกเดียว ที่จะเปลี่ยนเเปลงวงการอย่างเเท้จริงได้ สิ่งนี้ใช้เวลาและความอดทนจากหัวอกคนทําแกลเลอรี และเพื่อนๆ ในวงการอีกหลายคนที่ก็โดนเหมือนกัน เราขออย่างเดียวคือถ้าไม่เข้าใจไม่เป็นไร เเต่ควรมีการเห็นอกเห็นใจกันบ้าง ทางมุกเเละทีมก็จะพยายามต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทางคุณมุกเจ้าของแกลเลอรีดังกล่าว ได้เปิดใจกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า หลังจากเหตุการร์ที่เกิดขึ้น ก็ยังไม่มีคนออกมารับผิดชอบ แต่ทางเเกลเลอรีก็จ่ายเงินให้ศิลปินไปเเล้ว ตั้งแต่ตอนที่เเตกก็โอนเลย เพราะไม่สบายใจมากๆ แต่ยังดีที่ศิลปินเจ้าของผลงานคนนี้เป็นเพื่อน

แต่อยากย้ำให้เห็นว่า จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเงินเลย เข้าใจว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ เเต่มันคือการยืดอกรับผิดชอบ เเกลเลอรีบริหารด้วยมุกและครอบครัว เราเห็นอกเห็นใจทุกคน ยิ่งถ้าเป็นเด็ก เราคงออกให้เเทนด้วยซํ้า ศิลปินยังโพสต์เลยว่า ถ้าเป็นเด็กคงไม่ได้คิดเรื่องค่าใช้จ่าย มันคุยกันได้หมด ทั้งๆ ที่เเกลเลอรีอื่น หรือเเม้เเต่ห้างคือคุณโดนคิดตามจริงๆ เเน่ๆ

เเต่เราเเค่ผิดหวังในการที่คนมาชมสิ่งที่เราทําฟรีๆ และมีกิริยาแบบนี้ ไม่รับผิดชอบ มันน่าเศร้ามากๆ ในวันเดียวกันที่เกิดเหตุโต๊ะของ designer ที่เป็นแฟนมุก ก็มีคนมานั่งจนหัก น้องเขาจ่ายไม่ได้ คุณพ่อยังจะไม่ให้จ่ายเลย เเต่มุกยังไงก็ขอคิดค่ารถไปกลับโรงงาน คิดไป 1,000 ก็ไม่ได้ cover เพราะจริงๆ ต้อง 1,600 เราเเค่อยากให้คนไทยมีวัฒนธรรมในการเข้าชมงานศิลปะค่ะ ขอบคุณทุกคนเเละทีม ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่สละเวลา ช่วย cover เรื่องนี้.

ขอบคุณข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก ATT 19