เปิดปากวิเคราะห์ปมสลด เหตุการณ์ "ถังดับเพลิงระเบิด" ที่โรงเรียนราชวินิตมัธยม ทำนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายคน "ทนายรณรงค์" ย้ำชัด เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด และทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ในเหตุสลด ถังดับเพลิงระเบิด ที่โรงเรียนราชวินิตมัธยม ทำให้เด็กนักเรียนบาดเจ็บและเสียชีวิต

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เป็นข่าวที่ช็อกและสะเทือนใจมาก เพราะเกิดกับเด็ก เป็นอบรมด้านความปลอดภัย แต่มันไม่ปลอดภัยซะเอง ซึ่งอันดับแรกก็ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย จากที่เห็นน้องที่ถือถังอยู่ เป็นถังดับเพลิงที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเตรียมดับเพลิงที่เกิดจากน้ำมัน ซึ่งถังชนิดนี้ จะไม่มีผงเคมีแห้ง จะมีแรงดันสูง และตัวถังไม่มีเกจวัด ใช้เสร็จก็จะไปอัดใหม่ ซึ่งปกติถังจะต้องทนแรงดันสูงถึง 1,800 PSI ซึ่งบรรจุก๊าซล้วนๆ

...

ด้าน นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หรือ คุณยอด รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ประมาณ 11.30 น. ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุแก๊สระเบิด แต่ถึงที่เกิดเหตุ ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในโรงเรียน ว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เรายังคงเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส แต่ที่เห็นสภาพก็คือเสียชีวิตแล้ว จึงขอกำลังรถพยาบาลเข้ามา และตรวจสอบเห็นว่า มันไม่ใช่เกิดจากถังแก๊ส เพราะถังแก๊สยังอยู่ในสภาพ ที่ไม่มีการฉีกขาด

แต่พบว่าถังดับเพลิงกระจายอยู่ ซึ่งถังหนึ่งมีสภาพแตก แบบผ่าซีกเลย ตกอยู่ในข้างร่างน้องผู้เสียชีวิต บอกได้ว่าเลยเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะอุปกรณ์สอนมีมาตรฐานทุกชิ้น คนฝึกก็มีความรู้ แต่อุปกรณ์บางชนิดที่เป็นถังดับเพลิง อาจจะถูกวางในจุดที่มีแดดส่อง หรืออาจจะไปทำให้แรงดันมันเพิ่มขึ้นจนระเบิดขึ้น

อยากบอกว่าถังดับเพลิงที่ระเบิดนี้ ไม่ใช่ถังดับเพลิงที่วางอยู่ตามบ้านทั่วไปแบบผงเคมี ซึ่งเป็นคนละแบบกัน จะไม่มีอันตรายแบบนี้ สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของนักเรียน เกิดจากแรงกระแทกของถังที่กระเด็นใส่อย่างชัดเจน เพราะน้องเสียชีวิตจากการถูกถังกระเด็นใส่ นอกนั้นอีก 9 ราย มีอาการเพียงแค่ หูอื้อมึนงงเท่านั้น

ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แจ้งว่าน้องที่เสียชีวิต อยู่ห่างจากจุดสาธิต ประมาณ 10 เมตร แต่พอไปตรวจสอบพบว่า น้องห่างจากที่ระเบิดอยู่ประมาณ 7 เมตร ตอนที่ไปถึงที่เกิดเหตุ คือ น้องเสียชีวิตทันทีเพราะโดนแรงกระแทกบริเวณลำตัว ช่วงหน้าอกทำน้องตัวงอแบบชัดเจน ซึ่งมันสะเทือนใจ ตรงที่เห็นว่ากระเป๋าน้องกระจายเกลื่อนเลย

ต่อจากนี้การสาธิต คงจะให้นักเรียนมานั่งใกล้แบบนี้ไม่ได้แล้ว และเหตุการณ์ระเบิดแบบนี้ มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งทีมงานที่มาสอน ก็คงคิดว่าต้องจัดที่นั่งปลอดภัยแล้วจากเปลวไฟ โดยระมัดระวัง ทิศทางและความร้อนของเปลวไฟเท่านั้น แต่คงไม่มีใครคิดเรื่องของระเบิดที่เกิดขึ้น ว่าจะมีรัศมีไกลออกมา และกระจายมาถึง 10 เมตรแบบนี้

ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่า ถังรับแรงดันแล้วเซฟตี้ชำรุด เพราะปกติหากถังได้รับความร้อนแล้วขยายแรงดัน จะมีการโฟลว์ขับแรงดันออกเอง แต่นี่เซฟตี้น่าจะชำรุด ทำให้แรงดันไม่ถูกโฟลว์ออก เมื่อแรงดันเกินกำหนด จึงระเบิดออกมา ต่อจากนี้กองพิสูจน์ก็กำลังเก็บข้อมูลโดยละเอียด ซึ่งตอนที่เราเข้าไปที่เกิดเหตุ เห็นทันทีว่ามีการวางถังตากแดดอยู่ ทีมอาสาก็เข้าไปย้ายถังเอาไปหลบในร่ม ส่วนเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ใช้ถังแรงดันสูงสุด อันนี้ตนเองก็ไม่ทราบ

ต่อมา อาจารย์อ๊อด กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เลือกใช้ตัวที่มีแรงดันสูงสุด ตัวถังเขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามวางตากแดด ห้ามวางใกล้ความร้อน ปกติแล้วถังตัวนี้จะหนา และทนแรงดันได้สูงสุด 1800 PSI แต่แรงดันที่เหมาะสมที่สุด จะอยู่ประมาณ 850 PSI โดยธรรมชาติของมันคือจะมีไม่มีวาล์ว และไม่มีเกจ จึงไม่สามารถรู้ได้ว่ามีแรงดันเท่าไร แต่จะเป็นถังที่อัดซ้ำได้ เป็นถังตัวท็อปที่สุด โดยปกติการสาธิตทั่วไป ถังที่ใช้กันแรงดันต่ำมาก ส่วนถังที่ประชาชนใช้กันตามปกติ แรงดันอยู่ที่ 195 เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นอันตราย และตัวถังปกติระเบิดยากมาก

แต่ทางโรงเรียนใช้ถังที่มีความแรงสูงสุด โดยใช้ดับเรื่องของน้ำมัน และไฟฟ้าลัดวงจร ที่ตัวถังไม่มีเข็มวัด แต่เขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามวางตากแดด เพราะแรงดันจะสูงขึ้น ซึ่งหากจะสาธิตนักเรียน ก็ควรจะใช้ปกติก็พอแล้ว แต่กลับใช้ถังมีแรงดันสูงสุด แล้วเป็นอันตรายมาก สองในเรื่องของการวางตากแดด ก็ทำให้ก๊าซข้างในเกิดการขยายตัว หากถังเก่า ไม่ได้มาตรฐานก็เกิดระเบิด ฉีกขาดและเกิดแรงกระแทก ซึ่งตามภาพที่เห็นก็มีคราบรอยขึ้นสนิมอยู่ 

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันต้องคนรับผิดชอบอยู่แล้ว โดยต้องสอบว่าคนที่มาฝึกอบรมมีความรู้และความเข้าใจมากน้อยเพียงใด หากมีความรู้ ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ทำไมต้องวางถังตากแดด ถ้าเข้าใจทำไมปล่อยตากแดด ต่อมาอุปกรณ์ที่ใช้สาธิต หากมีการซ่อมบำรุง อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องดูว่าซ่อมบำรุงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และปกติใช้ถังแบบไหน แล้วใช้ถังความดันสูงเพราะอะไร

ซึ่งในการฝึกครั้งนี้พบว่า เป็นการฝึกร่วมกับส่วนราชการ ที่มาหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะด้วย หากตำรวจสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้ววิเคราะห์ได้ว่า เป็นเหตุที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ต้องมีการวิเคราะห์ว่า ใครคือคนประมาทเลินเล่อ ซึ่งคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบในกรณีนี้ ที่มีน้องเสียชีวิต ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับการสาธิตการดับเพลิง จะต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด แต่ไม่ได้บอกว่าคุณจะถูกหรือผิด ต้องรอกระบวนการสอบสวนก่อน แต่หน่วยงานราชการก็ต้องมารับผิดชอบเยียวยาต่อไป

อย่างไรก็ตาม อาจารย์อ๊อด เผยต่อว่า ปกติแล้วถังที่ใช้ตามบ้านเรือน หรือตัวอาคารจะเป็นถังสีแดงปกติ ซึ่งเป็นถังแรงดันต่ำ เป็นสารเคมีที่ดับไฟได้ ไม่มีความสามารถทำลายโลหะให้ฉีกขาดได้ หากอัดแรงเต็มที่ ก็ไม่เกินพัน ซึ่งปกติก็เป็นถังที่ใช้แล้วทิ้งทันที่ไม่ได้อัดซ้ำ

หากถังไม่ได้ใช้งานเลย อายุการใช้งานก็จะอยู่ที่ประมาณ 5 ปี แต่ปกติตามโรงงานทั่วไป 1 ปีก็จะเปลี่ยนแล้ว และต้องดูเรื่องของสนิมด้วย ซึ่งทุกถังเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามวางตากแดด ส่วนถังดับเพลิงเล็กๆ ในรถก็วางได้ แต่ต้องวางในตำแหน่งที่หลีกเลี่ยงจากแสงแดด ส่วนการอบรมเด็ก คิดว่าควรใช้ตัวแรงดันต่ำพอแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้น ก็ต้องไปสืบสาวเพิ่มในเรื่องของการอัดแรงดัน แต่เรื่องนี้เป็นบทเรียน ว่าหากจะอบรมก็ต้องตรวจสอบเรื่องของอุปกรณ์ให้เรียบร้อยก่อน

อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.