หนุ่มโพสต์ร่ายยาวโวย "ร้านชาบู" เปิดสาขาใหม่วันแรก มีปัญหาเรื่องอาหารที่สั่ง เจอเจ้าของร้านโยนความผิด อ้างเก็บอาหารไว้แค่ลูกค้าที่จองไว้เท่านั้น ไม่รับลูกค้า Walk-In

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 กลายเป็นประเด็น ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก Ponlasit Meeplai ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค ระบุข้อความว่า เหตุเกิด ณ ร้านชาบูแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 (เปิดร้านวันแรก) ทางร้านมีโปรโมชัน มา 4 จ่าย 2 โดยต้องซื้อคูปองผ่าน LINE แต่ผมซื้อไม่ทัน ขายหมดไปแล้ว ผมจ่ายในราคาเต็มหัวละ 489+ ราคาสุทธิอยู่ที่ 523.25 บาท

เวลา 16:30 น. ผมได้ไปกับเพื่อนอีก 3 คน เด็กเล็ก 1 คน มาโดยการ walk-in เข้ามา ซึ่งพบว่า ทางร้านยังตกแต่งร้านไม่เสร็จเรียบร้อย ประตูร้านไม่มี เหมือนกำลังจะติดตั้งอยู่ ผมเลยถาม ผู้จัดการร้านว่า

ผม : ทางร้านพร้อมแน่เหรอ
ผู้จัดการ : พร้อมครับ...คุณลูกค้าได้จองมาหรือไม่
ผม : ไม่ได้จองครับ....
ผู้จัดการ : (เดินหาโต๊ะให้นั่ง)
โดยผมก็ถามก่อนว่า มีเมนูอะไรไม่พร้อมไหม มีอะไรหมดไหม
ผู้จัดการ : ทุกอย่างมีครบหมด ยกเว้น เมนูกุ้งมังกร ที่มีแบบสดอย่างเดียว ไม่มีกุ้งมังกรอบชีส และแซลมอนซาซิมิ (กุ้งมังกรเป็นโปรของทางร้านที่ใครมา 4 ท่าน จะแถมให้คนละ 1 ตัวครับ)

แล้วก็ไปนั่งสั่งอาหารกันตามปกติ โดยทั้งร้านมีผมนั่งอยู่โต๊ะเดียว ผมกับเพื่อนก็พากันเดินไปกดน้ำ ปรากฏว่าหาน้ำโค้กไม่เจอ เพราะน้ำโค้กไปอยู่ในตู้น้ำใสๆ ที่นิยมใส่น้ำผลไม้ โดยแปะสติกเกอร์ว่า "น้ำเก๊กฮวย" ถ้าเด็กในร้านไม่เดินมาบอก ก็ไม่รู้หรอก นึกว่าน้ำชาดำ แล้วมันคงจะซ่าส์หรอก ไม่มีที่อัดแก๊สผสม...ทางร้านคิดได้ยังไง

...

สักพักคนที่จองโต๊ะ เริ่มเข้ามานั่งกันเต็มร้าน (มีการสั่งอาหารมากันล่วงหน้าทุกโต๊ะ) แต่ก็เกิดปัญหา เพราะอาหารเริ่มออกไม่ทัน ลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เริ่มบ่น ทางโต๊ะผม ก็มีบางเมนูที่ยังไม่ได้ ผมก็ได้เรียกน้องมาสอบถาม ปรากฏว่า เมนูที่สั่งไม่มี แต่ไม่ได้แจ้งตั้งแต่ตอนเข้าร้าน เมนูนั้นคือ ข้าวผัดปลาแซลมอน, หอยแมลงภู่สด ผมก็เลยเรียกผู้จัดการร้านมาสอบถาม

ผม : ทำไมไม่มีหอยแมลงภู่ กับข้าวผัดปลาแซลมอน
ผู้จัดการ : ผมก็ได้บอกคุณลูกค้าไปแล้วนะครับ (มั่นใจมาก)

พวกผมก็เงียบ และบอกได้แค่ครับ และผู้จัดการก็ไป ซึ่งพวกผมก็ไม่มีหลักฐาน ว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด แต่ผมก็มั่นใจว่าทางผู้จัดการไม่ได้แจ้งครับ ต่อมา มาที่เมนูเจ้าปัญหา คือซูชิ burn ทุกชนิด มีรสชาติขมเหมือนไหม้ แต่ดูจากภายนอกไม่ไหม้ เลยเดินไปถามผู้หญิงเสื้อแดง ไม่แน่ใจตำแหน่งอะไร รู้แต่ว่าคุม project ที่ร้านนี้

ผม : ทำไมซูชิที่ burn ถึงมีรสชาติขม เหมือนไหม้ ช่วยถามเชฟให้หน่อย ว่าเป็นความตั้งใจให้รสชาติแบบนี้ หรือ burn ผิดพลาด เพราะว่าถ้าเชฟตั้งใจสื่อรสชาติแบบนี้ ผมจะได้ไม่สั่ง ผมจะได้ไปสั่งเมนูอื่น เพราะเวลามันเดินเรื่อยๆ
ผู้หญิงเสื้อแดง : (เดินไปสอบถามเชฟ แต่เชฟไม่ตอบ) งั้นเชิญลูกค้า คุยกับเจ้าของร้านผู้ชายนะคะ

ผมก็ได้คุยกัน ซึ่งทางเขาก็อ้ำอึ้ง แล้วมองไปทางเชฟ แล้วก็แจ้งผมไม่ทราบเหมือนกัน น่าจะไม่ได้จงใจให้ขมนะ (สรุปก็ไม่รู้เลยว่ายังไง) ผมก็เลยช่างมันไปก่อน แล้วเล่าถึงปัญหาที่เจอทั้งหมดให้ฟัง สักพักมีป้าอีกคนเดินเข้ามาอธิบาย (เป็นเจ้าของร้านอีกคน)

ป้า : จริงๆ แล้ววันนี้เราไม่ได้รับลูกค้า Walk-In นะคะ เรารับแค่ลูกค้าที่จองมาเท่านั้น และอาหารเราก็ stock ไว้แค่ลูกค้าที่จองไว้เท่านั้น
ผม : (ทำหน้าเหวอเลย ประโยคนี้ทำให้โกรธสุดๆ) แล้วทำไมถึงไม่แจ้งผมตั้งแต่แรก เชิญผมเข้ามาทำไม และทางเพจ Facebook ก็ไม่ได้แจ้งไว้
ผู้จัดการ : เห็นว่าลูกค้ามาแล้ว เลยให้เข้ามาครับ (แถแล้วจ้า)
ป้า : ทางร้านมั่นใจว่าแจ้งทาง Facebook แล้วนะคะ
ผม : แปลว่าเป็นความผิดของผมเอง ที่ดูมาไม่ดีใช่ไหมครับ
ป้า : ค่ะ
ผม : อ่อ ครับ ขอบคุณครับ

ผมเดินกลับโต๊ะ พร้อมให้เพื่อนที่มา ช่วยกันดู และ capture โพสต์ทางเพจไว้ตั้งแต่สร้างเพจ ว่าไม่มีโพสต์ไหนระบุว่า "ไม่รับ walk-in" หรือ "รับแต่ลูกค้าที่จองเท่านั้น" เสร็จแล้วก็พาไปคิดเงิน โดยจ่ายเงินเต็มจำนวน และสิ่งที่พบอีกก็คือ เครื่องออกใบเสร็จก็พัง ทางร้านแจ้งว่าจะส่งให้ภายหลังทาง LINE ทางร้านไม่ได้มีความพร้อมอะไรสักอย่าง แต่ก็กล้าเปิดร้านกินเงินลูกค้า

สรุปปัญหาของทางผมที่เจอคือ

  • ไม่รับลูกค้า Walk-In แล้วให้ผมเข้ามาทำไม (เสียความรู้สึกสุดๆ)
  • ทางป้าเจ้าของร้านโบ้ยความผิดให้ลูกค้า (ผม)

ไม่ทราบว่ามีใครพบเจออะไรกันบ้างครับ

  • 04/06/66 เวลาประมาณ 19:00 น. ทางร้านโพสต์ขอปิดปรับปรุงร้านชั่วคราว
  • 05/06/66 เวลาประมาณ 10:00 น. ทางร้านได้ลบโพสต์เมื่อคืนทิ้ง ทำให้ comment ของคนอื่นๆ หายหมด และทางร้านได้โพสต์ปิดปรับปรุงร้านใหม่อีกครั้ง (ปิดห้าม comment ด้วย) ก็ยังไร้ข้อความขอโทษลูกค้า
  • 05/06/66 เวลา 15:55 น. ทางผู้จัดการร้านได้โทร.มาขอโทษ ในประเด็นที่ทางเขาสื่อสารผิดพลาด แล้วเสนอคืนเงินเต็มจำนวน แต่ผมปฏิเสธ เนื่องจากมีการลบโพสต์ ทำให้ comment หาย แสดงถึงความไม่จริงใจต่อลูกค้า และคนอื่นๆ
  • 05/06/66 เวลา 17:01 ทางร้านเริ่ม comment ขอโทษลูกค้าแต่ละท่าน และมีการแชตมาส่วนตัวมาขอโทษ และบอกว่าจะมีผู้จัดการติดต่อไป ตามรูป comment ด้านล่าง (ผู้จัดการได้โทร.มาก่อนหน้านั้นแล้ว)
  • 05/06/66 เวลาประมาณ 17:50 น. ผมโดนทางร้านบล็อก ตามรูป comment ด้านล่าง
  • 06/06/66 เวลา 11:36 น. ทางผู้หญิงเสื้อแดงที่คุม Project นี้ได้โทร.มาขอโทษ และยอบรับความผิดพลาดทั้งหมด ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้อง และอธิบายถึงสาเหตุ พร้อมขอคืนเงินเต็มจำนวน ณ เดี๋ยวนั้น แต่ผมขอไม่รับฟัง เพราะมันไม่ใช่ประเด็นที่ผมมีปัญหา จึงบอกความต้องการของผมไปอีกครั้ง (อยู่ในข้อ 2 ข้อความถึงร้าน)
  • 07/06/66 เวลา 07:00 น.

ข้อเรียกร้องที่ผมได้ขอไปกับทางร้านผ่านช่องทางกลุ่ม "พวกเราคือผู้บริโภค" (ผมไม่สามารถส่งไปทางเพจสาขาได้ เพราะผมโดนบล็อก) และผ่านช่องทางโทรศัพท์ที่คุยกับผู้จัดการร้าน ตั้งแต่วันที่ 05/06/66 เวลา 15:55 น. และคุณผู้หญิงเสื้อแดง ในวันที่ 06/06/66 เวลา 11:36 น.

ซึ่งประเด็นที่ผมขอไปทางโทรศัพท์มีแค่ ข้อ 2 (แค่ให้มาขอโทษผม ไม่ได้ต้องทำคลิป) ซึ่งไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นั้นหมายความว่า ทางผู้บริหารไม่ได้สนใจลูกค้ากลุ่มของผมแม้แต่น้อย เป็นแค่ลูกค้ากลุ่มเล็กๆ ที่ไม่มีก็ได้ (ก็นะ วันที่ไปกินก็ทำให้รู้สึกแบบนั้น)

พวกผมตั้งใจมากินด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากอุดหนุนในราคาเต็ม โดยไม่ได้โปรมา 4 จ่าย 2 ขนาดประตูร้านยังไม่มี อะไรก็ไม่พร้อม ผมก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรร้าน ณ ตอนนั้น วันนั้น มีแค่ 2 ประเด็นที่ทำผมเสียใจเป็นอย่างมาก แค่นั้นเลย

  • 08/06/66 เวลา 07:00 น. ทางร้าน และผู้บริหารยังนิ่งเฉย ข้อความถึงทางร้าน ข้อเรียกร้องที่ผมต้องการมีอยู่ 4 ข้อ ดังนี้
  1. ทางผู้บริหารอย่างน้อย 1 ใน 4 คน ต้องเป็นผู้ชี้แจงว่าทำไมถึงมีการลบโพสต์ และ ลบ comment และบล็อก Facebook ของลูกค้า (ผมเอง)
  2. ทางป้าเจ้าของร้านที่คุยกับผม (ห้ามเป็นคนอื่นเด็ดขาด) ต้องออกมาชี้แจงในรูปแบบคลิปวิดีโอ ในเรื่องที่ป้าบอกว่า มีการโพสต์ทางเพจ Facebook แล้วว่ารับลูกค้า เฉพาะที่จองมาเท่านั้น ไม่รับลูกค้า Walk-In พร้อมหลักฐาน (ถ้าโพสต์จริง ก็ต้องมีหลักฐาน) แต่ถ้าความจริงไม่เป็นไปตามที่ป้าพูด ป้าต้องขอโทษผมผ่านคลิปวิดีโอนี้ ในประเด็นนี้ด้วย เนื่องจากมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจเป็นอย่างสูง (ให้ส่งมาทาง LINE ส่วนตัว)
  3. ทางร้านต้องแสดงความจริงใจต่อลูกค้า ว่าเสียใจกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผ่านเพจ Facebook สาขาพระราม 5 ใน 1 โพสต์ ห้ามมีการลบ, แก้ไขรูปภาพ Info หรือถ้าพิมพ์ก็ห้ามแก้ไขข้อความ และต้องเปิด comment ให้ทุกคนมีสิทธิ์ comment ด้วย
  4. ทางร้านจะเยียวยาลูกค้าท่านอื่นอย่างไร ไปคิดเอาเอง เพราะผมก็ไม่รู้ว่าลูกค้าท่านอื่นๆ รู้สึกอย่างไร แต่ส่วนตัวผม ผมขอไม่รับอะไรทั้งสิ้น นอกจาก ข้อ 1, 2 ขอให้ทางร้านดำเนินการตามข้อเรียกร้องให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 6 มิถุนายน 2566 (ทางร้านเงียบ ไม่ดำเนินการตามที่ร้องขอ)

อย่างไรก็ตาม หนุ่มเจ้าของโพสต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า เจตนาที่แท้จริง คือต้องการให้ทางป้าเจ้าของร้านขอโทษเท่านั้น ฝากถึงทางร้านชาบูดังกล่าว และพนักงานทุกคนที่ร้านในวันนั้น ว่าน้องๆ พี่ๆ ทำได้ดีที่สุดเท่าที่น้องๆ พี่ๆ จะทำได้แล้ว จนเห็นสีหน้า ท่าทางของพนักงานที่ร้านตั้งแต่ผมเข้าร้านมาแล้ว ว่ามันมีอะไรผิดปกติบางอย่าง

ฝากถึงคุณป้าเจ้าของร้านคนนั้นคนเดียว "ขอให้ป้าออกขอโทษผมเถอะ" จะจริงใจ หรือไม่จริงใจ ก็แล้วแต่ป้า ถือซะว่าสงสารพนักงานตัวเล็กๆ ของป้าที่ต้องมารับกรรมแทนเถอะ ส่วนผู้บริโภคทุกท่าน การให้โอกาสทางร้านนั้นเป็นสิ่งที่ดี เขาจะได้มีโอกาสแก้ตัว เพื่อที่จะได้นำข้อผิดพลาดนั้นไปปรับปรุงให้มันดีขึ้น

ซึ่งมันก็มีร้านที่ตั้งใจจะเปิดด้วยใจรักบริการอีกเยอะ แต่ขาดประสบการณ์ ซึ่งมันก็อาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แม้จะซักซ้อมมาแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม มันก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่าน เพราะแต่ละท่าน ก็มีเหตุผลที่แตกต่าง.

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Ponlasit Meeplai, กลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค