ทหารหนุ่มยศสิบโทสุดช้ำ อ้างแต่งงานกับสาวผู้ช่วยพยาบาลที่เจอในแอปพลิเคชัน แต่แต่งเสร็จฝ่ายหญิงหอบเงินหายเงียบ เผยสุดเสียใจกู้เงินมาแต่งหวังสร้างอนาคตกลับถูกหลอกเอาค่าสินสอดนับแสน
วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก สุธา ฟักเนียม โพสต์ข้อความว่า "อยากจะเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปียันตอนนี้ ผมได้คบกับผู้หญิงคนนึงได้ตกลงคบกันจะมียุวันนึงได้ตกลงแต่งงานพอแต่งงานได้ได้ 7 วันเท่านั้น นางได้ขาดการติดต่อมาสักพักนึงพอติดต่อได้คือบอกอยู่ไปไม่มีความสุขสุดท้าย#ผมโดนเทหรอเนี่ย คือยังไงจนผมได้ไปเครียมาจากที่ทำงานเขาผมก็ได้คำเดิมกลับมาคือเลิก
ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ นะคับ ส่วนท่านใดอยากแสดงความคิดเห็น ได้เลยนะคับ ผมอยากเห็นความคิดหลายๆ คนว่าเหตุการณ์นี้ ควรทำอะไร" พร้อมกับรูปภาพแต่งงานกับหญิงสาว โดยเรื่องดังกล่าวโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอเกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ได้พบกับ นายสุธา ฟักเนียม อายุ 28 ปี เป็นทหารยศนายสิบโทที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่
โดยนายสุธา ได้นำรูปงานแต่งและรูปบรรยากาศต่างๆ ภายในงานมาเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมการ์ดงานแต่งเมื่อวันเสาร์ที่ 29 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา โดยจัดที่บ้านของฝ่ายหญิงในพื้นที่หมู่ 10 บ้านหนองค่าย ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
...
จากการสอบถาม นายสุธา เล่าว่า ตนได้รู้จักกับฝ่ายหญิงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ โดยมีการแชตหาและขอเบอร์โทรคุยกัน จากนั้นได้มีการนัดและตนก็ได้ไปเล่นที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่พอนอนค้างคืน เช้ามาทางญาติของฝ่ายหญิงได้บอกว่าให้เอาผู้ใหญ่มาคุยเพราะตนทำผิดประเพณีของทางบ้านเขา
จากนั้นตนได้โทรหาพ่อเพื่อมาคุยและทำการหมั้นหมายกันไว้ โดยแม่ของฝ่ายหญิงบอกว่าเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 2 แสน ทอง 2 บาท ซึ่งได้คุยและตกลงกันไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา
แต่พอผ่านมา ประมาณ 15 วัน ทางแม่ฝ่ายหญิงร้องขอมาว่า แต่งก่อนได้ไหม โดยเรียกค่าดอง 1 แสน ทอง 1 บาทแทน ตนก็เอะใจว่าทำไมเร่งรัดขนาดนี้ และหล้งจากนั้นก็มีการโทรมาเอาเงินเพื่อไปซื้อทองและเตรียมจัดงาน ตนก็รีบโอนให้ พอถึงวันที่แห่ขบวนขันหมากไปบ้านเจ้าสาว ตนก็แปลกใจว่าจัดงานแต่งทำไมไม่มีญาติหรือคนในหมู่บ้านมาร่วมงานเลยมีแต่คนที่สนิทและเป็นญาติอย่างเดียวและงานพิธีทุกอย่างจะทำเร็วมากรวมทั้งนับเงินสินสอดขนาดช่างภาพที่ตนเตรียมมาทำงานก็ยังถายภาพไม่ทันและคนในงานรวมทั้งญาติๆ ของตนก็ยังสงสัยและคิดว่าผิดปกติมากในงานแต่งของตน
หลังจากแต่งงานเสร็จแล้ว อยู่กินกันประมาณ 6 วัน ฝ่ายหญิงเริ่มเงียบ จากนั้นกลับไปทำงาน ตนก็ตามไปถึงที่ทำงานที่เขาทำเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่เป็นโรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพฯ ตนก็พยายามถามถึงสาเหตุแต่ทางฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมพูดกับตน เอาแต่เงียบแล้วเดินหนี
ตนจึงได้สอบถามและโพสต์ขอความเห็น รวมทั้งพ่อกับแม่และพี่น้องของตนก็บอกว่าถูกหลอกเอาเงินค่าสินสอดแน่นอน จากนี้ตนก็จะเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงและจะฟ้องเงินที่ตนได้เสียไปกับการจัดงานและเงินค่าดอง รวมๆ กว่า 180,000 บาทและเงินส่วนนี้ตนได้ไปกู้มากับพ่อเพื่อเอามาแต่งงานและหวังจะสร้างอนาคต แต่กลับมาถูกหลอกแบบนี้ตนก็รู้สึกเสียใจมากถามว่ารักไหมตนก็รัก แต่เจอแบบนี้รักแค่ไหนตนก็ขอตัดใจดีกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากฝ่ายชายได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไป พบว่าโลกออนไลน์ได้ให้ความสนใจอย่างมาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอคำชี้แจงจากฝ่ายหญิงต่อไป.