• ปี 2566 คาดการณ์ว่า "ธุรกิจศัลยกรรมความงาม" ของประเทศไทย จะขยายตัวแบบก้าวกระโดด เพิ่มขึ้นเป็น 20-30%
  • "ความชำนาญ" และ "ชื่อเสียง" ของแพทย์ คือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ชาวต่างชาติเดินทางมาทำศัลยกรรมที่ประเทศไทย
  • ทิศทางและแนวโน้มของ "อุตสาหกรรมความงาม" ของไทยกับการผลักดันให้เป็น "Medical Hub" หรือ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

คำกล่าวที่ว่า "ศัลยกรรมเมืองไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก" คงเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริง เพราะในสายตาชาวต่างชาติ ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงประเทศ ที่โด่งดังด้านการท่องเที่ยว แต่เรื่องการศัลยกรรมตกแต่งของไทย ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียง ชาวต่างชาติให้การยอมรับ สังเกตได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี 

"ธุรกิจศัลยกรรมความงาม" เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 20-30%

ในปี 2566 ภาคธุรกิจศัลยกรรมความงาม มีการคาดการณ์ว่า จะเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 2% จากตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชาวจีน ที่ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ และปีนี้คาดว่าตัวเลขสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ จะขยายตัวได้แบบก้าวกระโดด เพิ่มขึ้นเป็น 20-30%

...

นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เผยว่า ปัจจุบันต่างชาตินิยมเดินทางมาประเทศไทย เพื่อใช้บริการด้านการแพทย์ และหนึ่งในนั้นคือ "ศัลยกรรม" แม้ว่าจะมีคนไทยจำนวนหนึ่ง คลั่งไคล้และบินไปทำศัลยกรรมถึงต่างแดน แต่ในทางกลับกัน ต่างชาติกลับต้องจองข้ามปี เพื่อให้ได้เข้ามาศัลยกรรมกับแพทย์ชาวไทย 

"ความชำนาญ" และ "ชื่อเสียง" ของแพทย์ คือ สิ่งที่ลูกค้าไว้วางใจ

นพ. ธนัญชัย เผยว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ชาวต่างชาติ นิยมเดินทางมาทำศัลยกรรมในประเทศไทย คือ ความชำนาญ และชื่อเสียงแพทย์ ที่ได้รับการแนะนำแบบปากต่อปาก ถึงผลลัพธ์หลังการศัลยกรรม ซึ่งมีเทคนิคเฉพาะทาง ทำให้แผลเล็ก พักฟื้นน้อย และดูเป็นธรรมชาติ สามารถเดินทางกลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้

รวมถึงการที่แพทย์ไทยในหลากหลายวงการ ได้เข้าร่วมวงเสวนา และได้รับเกียรติบรรยายเทคนิคใหม่ๆ สู่สายตาแพทย์ต่างชาติในหลายเวทีระดับโลก จึงทำให้ชื่อเสียงของอุตสาหกรรมศัลยกรรมตกแต่งของไทย ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับในสากล

"ศัลยกรรมความงาม" อุตสาหกรรม ที่สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศไทย

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ยกให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางด้านความงามอันดับที่ 3 ของเอเชีย สามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาใช้บริการด้านความงามและศัลยกรรม จากเทคนิคที่ดี และความเชี่ยวชาญของแพทย์ จึงทำอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงาม เป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ที่จะสร้างเม็ดเงินให้แก่ประเทศไทย

ขณะที่ความคาดหวังของวงการแพทย์ไทย ที่อยากให้ประเทศไทยไปสู่ Medical Hub หรือ การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ก็คงอยู่อีกไม่ไกล เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ ได้พูดถึงการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ Medical Hub หลังเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพทางการแพทย์ จากที่ชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาใช้บริการจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี

กระทั่งเกิดวิกฤติโควิด-19 ยุทธศาสตร์ นี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างจริงจัง เพื่อขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ตามความต้องการของตลาดโลก.