พิธีกรหนุ่ม เล่าประสบการณ์เฉียดตาย จากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ตรวจสาเหตุพบ ลิ่มเลือดไปอุดตันที่หัวใจห้องขวาล่าง ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ และจะเปลี่ยนพฤติกรรมหลังจากได้มีโอกาสใช้ชีวิตต่อ

วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 นายกีรติ ศุภดิเรกกุล พิธีกรหนุ่ม ได้เล่าอุทาหรณ์เฉียดตาย ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Kee22kee ระบุว่า สวัสดีครับ โพสต์นี้จะมาแชร์ประสบการณ์เฉียดตายล่าสุดให้ฟัง หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ได้ไม่มากก็น้อยนะ เอาจริงๆ ก็คิดเหมือนกันนะว่าเราโชคดีมากๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่

ย้อนไปคืนวันที่ 16 เมษายน ก็นั่งทำงานที่บ้านตามปกติจนถึงเที่ยงคืนก็อาบน้ำนอน ตื่นมากลางดึกประมาณตี 3 ครึ่ง รู้สึกแปลกๆ ที่กลางหน้าอก อธิบายไม่ถูกว่ามันเรียกว่าแน่นหน้าอก หรือหวิว หรือว่าอะไร รู้แค่ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน ก็เลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำ เผื่อว่าอาการจะดีขึ้น อาบน้ำเสร็จออกมาก็ยังไม่ปกติ เลยลองนั่งพักในห้องน้ำดู

ปรากฏว่ามีจังหวะนึงที่ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวของตัวเองได้ แล้วตัวก็เอียงไปพิงกับผนังกระจกข้างห้องน้ำ ค้างอยู่ท่านั้นประมาณ 1 นาที จนสุดท้ายสามารถฮึบกลับมาทรงตัวได้ เลยรีบเรียกรถให้ไปส่งที่โรงพยาบาล ระหว่างทางก็รู้สึกว่าหนาวจัง จะเป็นอะไรรึเปล่า จนไปถึงโรงพยาบาล ประมาณตี 5 พอบอกอาการคุณหมอ ขึ้นเตียง รอตรวจ วางกระเป๋าข้างตัว คุยได้อีก 1-2 ประโยคแล้วภาพก็ตัดไปเลย

หลังจากที่รู้สึกตัวอีกที จำได้ว่ามีพยาบาลอยู่รอบเตียง มีท่อช่วยหายใจสอดไว้ มีสายติดตามตัวเต็มไปหมด แล้วก็รู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครง พยาบาลถามว่าจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ณ ตอนนั้น ความทรงจำที่พาตัวเองมาโรงพยาบาลไม่มีเลย ยังคิดว่า รถคว่ำเหรอ เกิดอุบัติเหตุเหรอ ทำไมถึงมีท่อช่วยหายใจ เลยทำมือเหมือนจับปากกาจะเขียน

...

พี่พยาบาลเลยหยิบกระดาษกับดินสอให้ นี้ก็เขียนไปว่า "เกิดอะไรขึ้น" พยาบาลก็บอกว่า พี่กีเกิด cardiac arrest ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือ หัวใจทำงานผิดปกติจนหยุดเต้น ปั๊มหัวใจไป 4 ครั้ง ช็อตไฟฟ้าไป 8 ครั้ง รวมทั้งหมดที่หัวใจหยุดเต้น "19 นาที"

พี่พยาบาลบอกว่า ดีที่เหตุเกิดที่โรงพยาบาล เลยมีเครื่องมือช่วยไว้ได้ทัน บางเคสกลับมาก็เป็นเจ้าชายนิทรา กลับมาขยับได้ขนาดนี้ คือถือว่าโชคดีมากๆ ซึ่งสาเหตุตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร จนคุณหมอไปฉีดสีแล้วพบว่ามีลิ่มเลือดไปอุดตันที่หัวใจห้องขวาล่าง เลยทำการดูดลิ่มเลือดออก

ซึ่งเส้นเลือดหัวใจคุณหมอบอกว่าปกติดี แค่มีลิ่มเลือดไปอุดตัน ก็ต้องฉีดยาสลายลิ่มเลือด จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วก็ต้องไป follow อีกครั้ง 2 อาทิตย์ สภาพตามรูป รอยไหม้ข้างลำตัวกับบริเวณหน้าอกมาจากการช็อตไฟฟ้า ส่วนรอยช้ำที่ท้องมาจากการฉีดยาละลายลิ่มเลือด

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ก็มาคิดนะ ชีวิตมันน่าเศร้าเนอะ ถ้าวันนึงเราต้องจากไป โดยที่ยังไม่ได้มีโอกาสบอกลา ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลวันที่ 3 หลังจากที่ถอดท่อช่วยหายใจ ก็ตัดสินใจอัดคลิปวิดีโอที่โรงพยาบาล เป็นข้อความบอกลาคนรอบตัว ใจลึกๆ ก็หวังว่าจะไม่ต้องใช้ แต่มีไว้ก็น่าจะดีกว่า อย่างน้อยถ้าจะต้องไปจริงๆ ก็มีข้อความบอกลาให้คนรอบข้างได้ Move On

สาเหตุของลิ่มเลือดครั้งนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่ามาได้ยังไง เพราะปกติก็ออกกำลังกาย อาจจะมีทานของทอดของมันบ้าง แต่หลังจากที่ได้โอกาสในการใช้ชีวิตเป็นครั้งที่ 2 ก็จะปรับพฤติกรรมใหม่ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป ทานข้าวให้ตรงเวลา แบ่งเวลาให้ถูก หาความสุขให้ตัวเองบ้าง เพราะเราไม่รู้หรอกว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของเรา

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าเรื่องของผมจะช่วยเตือนสติให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ประมาท มีเรื่องอะไรที่อยากบอกคนรอบตัวอย่าเก็บไว้ บอกให้เค้ารู้ตอนที่ยังมีโอกาส อย่ารอจนมันสายไป และก็อย่าลืมตรวจสุขภาพด้วย

สุดท้ายขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์และทำงานอย่างเต็มที่ในการที่ช่วยพาผมกลับมาอีกครั้ง ขอบคุณมากๆ ที่ให้โอกาสที่ 2 ในการใช้ชีวิตกับคนคนนี้ สัญญาจะดูแลหัวใจ และร่างกายของตัวเองให้ดีที่สุดครับ.

ขอบคุณข้อมูลจาก แฟนเพจเฟซบุ๊ก Kee22kee