สรุปดราม่าร้อน หนังสือวิชาภาษาไทย ป.5 ให้ข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิต ผ่านเรื่องราว "ด.ญ.ใยบัว" กินข้าวคลุกน้ำปลา กับไข่ต้มครึ่งซีก ทำโซเชียลวิจารณ์สนั่น ตำหนิคนเขียนไม่ใส่ใจด้านโภชนาการ

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊ก มาดามแคชเมียร์ ได้โพสต์ภาพหนังสือวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยในเนื้อหานั้น กล่าวถึงเรื่องราวของ ด.ญ.ใยบัว เด็กที่บ้านมีฐานะร่ำรวย มานั่งตัดพ้อชีวิตกับข้าวปุ้น เพื่อนรักที่โรงเรียน ว่า "อยากตาย" หลังจากพ่อแม่ไม่เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ให้ เพราะเห็นว่าสิ้นเปลือง ข้าวปุ้นจึงชวนเพื่อนไปที่บ้านเด็กกำพร้าที่เธออาศัยอยู่ เพื่อให้เพื่อนไปเรียนรู้ชีวิตที่แตกต่าง เผื่อจะเปลี่ยนความคิด และเห็นคุณค่าของชีวิตมากยิ่งขึ้น

โดยเนื้อหาที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น คือ การบรรยายอาหารการกินของเด็กภายในบ้านของข้าวปุ้นว่า "...เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทุกคนนั่งล้อมวงเป็นวงใหญ่ กับข้าวแบ่งเป็น 2 ชุด จานแรกเป็นผัดผักบุ้ง จานที่ 2 เป็นไข่ต้มผ่าครึ่งตามจำนวนคน โดยแต่ละคนตักผักบุ้งพอรับประทาน และไข่ต้มคนละซีก..." ทั้งนี้ในเนื้อหา ข้าวปุ้นยังได้แนะนำให้ใยบัว ใช้ช้อนบี้ไข่กับข้าว และเหยาะน้ำปลา เพื่อให้กินกับและข้าวได้อย่างพอดีกัน

ซึ่งเจ้าของโพสต์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า โปรตีนจากไข่ต้มหนึ่งซีก 1.75 กรัม ข้าวคลุกน้ำปลาโซเดียมหนักๆ ผัดผักบุ้งก็มีโซเดียมจากเครื่องปรุงแน่ๆ ความสุขอยู่ที่ใจ พอเพียงน้ำตาจะไหล FYI, เด็กโตวัย 7-14 ปี ต้องการโปรตีนวันละ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. สมมติว่าเด็กน้ำหนัก 40 กก.ก็ต้องกินโปรตีน 40 กรัมต่อวัน

...

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การกินอาหารของเด็กในเนื้อหานั้นไม่ถูกกับหลักโภชนาการ ทั้งยังตำหนิถึงการกระทำของตัวละครภายในเรื่องว่า สิ่งที่ทำนั้นไม่เรียกพอเพียง แต่เรียกอดอยาก เพราะแต่สารอาหารมันไม่เพียงพอต่อความต้องการ และร่างกายของเด็ก

แพทย์ติง สิ่งสำคัญในอาหารที่เด็กควรได้ ไม่ใช่แค่ "อิ่มท้อง" อย่างเดียว

แน่นอนว่าไม่เพียงแค่คนในโลกโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็น นักวิชาการหลายๆ ท่าน รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็เผยทัศนคติและมุมมองเรื่องดังกล่าว โดย นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ไข่ครึ่งซีก+ข้าวคลุกน้ำปลาอร่อยที่สุดในโลก" โภชนาการวัยเรียนแบบนี้ได้จริงๆ หรือ สิ่งสำคัญในอาหารที่เด็กควรได้ ไม่ใช่เรื่องของ "พลังงาน" หรือ แค่อิ่มท้องอย่างเดียว

แต่สิ่งสำคัญนั่น คือ "โปรตีน" ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของ สมองกล้ามเนื้อ และการทำงานของ เอนไซม์ในระบบต่างๆ ของร่างกาย ยังมีเรื่องของ วิตามิน แร่ธาตุที่สำคัญ ที่ไม่ควรขาดในเด็กอีก อาหาร จึงไม่ใช่เพียง "แค่อิ่มท้อง" หรือ "แค่อร่อยปาก" แต่ อาหารที่เหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต พัฒนาการทางสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน

ถ้าวิสัยทัศน์มีเพียง แค่ "อิ่มท้อง" "สุขใจ" แต่ไม่มองให้เห็นถึงสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กของเรา นี่คือเรื่องน่ากังวลมากๆ สำหรับ "อนาคตของชาติ" ภายใต้การกำหนดทิศทางการศึกษาจากคนบางกลุ่ม ที่ยังล้าหลัง ของบ้านเราแบบนี้

ขณะที่ ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องเหมือนนิทาน นิยายแต่งขึ้น ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน และอาจจะไม่สมจริงบ้าง แต่ก็เห็นด้วยว่า สังคมไทยควรจะมีพัฒนาการเรื่องโภชนาการของเด็กทั้งประเทศให้ดีขึ้น แม้จะเป็นเด็กในบ้านเด็กกำพร้า

อย่างไรก็ตาม คนในโลกโซเชียลได้แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป เพื่อหวังให้มีการปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ทางหนังสือที่ตีพิมพ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีการออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว หากมีการอัปเดตเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง.

ขอบคุณข้อมูลจาก แฟนเพจเฟซบุ๊ก มาดามแคชเมียร์, Jiraruj Praise, Jessada Denduangboripant