- Computer Vision Syndrome กลุ่มอาการผิดปกติของดวงตา ที่เกิดจากการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน เฉลี่ยมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน
- มีสาเหตุมาจากการกะพริบของหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัล ความสว่างของหน้าจอ และแสงสีฟ้า (Blue light) และพฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบริเวณรอบดวงตา ตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ โฟกัสภาพต่างๆ ได้ช้าลง รวมไปถึงปวดศีรษะ และเวียนหัวร่วมด้วย หากไม่รีบแก้ปัญหา ก็อาจจะส่งผลเสียทางสุขภาพตามมาในอนาคต
ในยุคปัจจุบัน เกือบทุกคนที่ต้องใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อใช้ในการสื่อสาร อัปเดตข้อมูล รวมถึงใช้ในการทำงาน ทั้งโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล่าพนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงาน จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน หากไม่แบ่งเวลาให้เหมาะสม ก็อาจส่งผลกระทบให้ดวงตาเมื่อยล้าจนเกิดอาการปวดเมื่อยตา แสบหรือเคืองตา ไปจนถึงตาพร่ามัว โฟกัสได้ช้าลง หรือบางครั้งมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ หรือปวดต้นคอ ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ
หากใครเคยมีอาการข้างต้น ยิ่งต้องระวังตัว เพราะคุณกำลังเกิดปัญหาทางสุขภาพที่เรียกว่า computer vision syndrome
...
Computer Vision Syndrome คืออะไร
Computer Vision Syndrome หรือ (CVS) คือ กลุ่มอาการผิดปกติของดวงตา ที่เกิดปัญหามาจากมองหน้าจอเป็นเวลานานมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน โดยความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้สายตา โดยผลการศึกษาพบว่า 90% ของผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มักจะมีอาการ CVS อย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจเป็นร่วมกันจนส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตในแต่ละวัน
Computer Vision Syndrome มีอาการอย่างไรบ้าง
ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการ Computer Vision Syndrome จะไม่ค่อยรู้ตัว มักเกิดขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงานออฟฟิศ หรือนักเรียน นักศึกษา ที่ใช้สายตาอย่างหนัก จึงเกิดอาการเหล่านี้
- ปวดบริเวณรอบดวงตา
- ตาแห้ง แสบตา หรือเคืองตา
- ตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้
- การโฟกัสภาพต่างๆ ได้ช้าลง
- มีอาการปวดศีรษะ และเวียนหัว
- บางครั้งอาจมีอาการปวดหลัง ไหล่ หรือต้นคอร่วมด้วย
สาเหตุของอาการ Computer Vision Syndrome
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ภาวะเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้สายตาเพ่งหน้าจอเป็นเวลานาน โดยมีสาเหตุมาจากการกะพริบของหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัล ความสว่างของหน้าจอ และแสงสีฟ้า (Blue light)
เนื่องจากความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอ ทำให้เราใช้สายตาเพ่งตัวอักษรมากกว่าปกติ ประกอบกับการปรับแสงหน้าจอที่ไม่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้หน้าจอสว่าง หรือมืดมากเกินพอดี จนส่งผลให้ดวงตาอ่อนลาได้
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดวงตาเกิดปัญหามากที่สุด นั่นคือ แสงสีฟ้า คลื่นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัล เมื่อดวงตารับแสงสีฟ้ามากเกินไป เซลล์จอประสาทตาค่อยๆ เสื่อม และอาจก่อให้เกิดโรคทางดวงตาในอนาคตได้
พฤติกรรมการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เสี่ยงก่อให้เกิดภาวะ CVS
อาการ CVS เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการทำงานไม่ต่างจากโรคออฟฟิศซินโดรม ดังนี้
- ขณะจดจ่อกับการอ่านหนังสือ หรือจ้องจอคอมพิวเตอร์ มีการกะพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งง่ายขึ้น
- แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม ทำให้มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์กระทบเข้าดวงตา จึงทำให้รู้สึกระคายเคืองได้
- การที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เรียบคมชัด เท่าตัวพิมพ์บนหน้าหนังสือ หรือมีความไม่นิ่งของสัญญาณในจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ดวงตาคนต้องพยายามโฟกัสมากขึ้น จึงก่อให้เกิดอาการตา เมื่อยล้าทางดวงตา
- ระยะห่างจากหน้าจอไม่สัมพันธ์กับระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์
- ท่าทางในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม
วิธีการป้องกัน
จะเห็นได้ว่าอาการ Computer Vision Syndrome เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพในระยะยาว ดังนี้
- ปรับแสงสว่างจากหน้าจอ และความเข้มของสีหน้าจอ โดยเน้นให้มองแล้วสบายตามากที่สุด และต้องป้องกันแสงจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่สะท้อนเข้าหน้าจอ
- ปรับระดับของหน้าจอ และแป้นพิมพ์ให้เหมาะสม ควรตั้งจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ระดับสายตา ห่างจากตัวประมาณ 20-28 นิ้ว ส่วนแป้นพิมพ์ควรวางอยู่ระดับต่ำกว่าจอ โดยให้ข้อมือและแขนขนานไปกับพื้น ข้อศอกตั้งฉาก ไม่อยู่ในลักษณะเอื้อมไปข้างหน้า
- เปลี่ยนท่านั่ง และระดับเก้าอี้ ให้ฝ่าเท้าวางราบไปกับพื้น เข่าตั้งฉาก ต้นขาขนานกับพื้น อาจมีที่วางข้อศอกและแขน เพื่อลดอาการล้าที่หัวไหล่ แขน และข้อมือ
- พักสายตาระหว่างการทำงาน โดยยึดหลัก 20-20-20 คือการละสายตาจากหน้าจอ และมองออกไปไกลระยะ 20 ฟุต ทุกๆ 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาทีต่อครั้ง เพื่อลดอาการตาล้า
- ใช้น้ำตาเทียม และกะพริบตาบ่อยขึ้น เพื่อลดอาการตาแห้ง
- ไปพบแพทย์ขอคำปรึกษา หากทำครบตามที่กล่าวข้างต้นแล้วอาการยังไม่หาย ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อทำการรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้
แม้ว่าหลายคนจะมองว่า โรค Computer Vision Syndrome เป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อดวงตา หรือการมองเห็น แต่สุดท้ายอาการทางตาเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความไม่สบายตา เป็นปัญหารบกวนการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันได้
และถ้ายังละเลย และไม่ใส่การดูแลตนเอง หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน อาจจะส่งผลเสียทางสุขภาพตามมาในอนาคต.