เพจดัง เผยข้อมูลอ้างอิงจาก WHO ลบความเชื่อวาทกรรม งานหนักไม่ทำให้ใครตาย ไม่จริง พบปีนึงเสียชีวิตกว่า 7 แสนศพ และอาจเพิ่มเป็นปีละล้านศพในอนาคต

วันที่ 6 ก.พ. 2566 จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์โพสต์ของเฟซบุ๊ก "จอดับ" ที่อ้างว่า มีพนักงานหนุ่มวัย 40 กว่า ฝ่ายจัดทำผังรายการทีวี เสียชีวิตบนโต๊ะทำงาน หลังตรากตรำงานหนัก ซึ่งเจ้าตัวเคยเปรยว่า "คงต้องให้ผมตายก่อนละมั้ง เขาถึงจะหาคนมาช่วยงาน" ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีวาทกรรมที่ว่า "งานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย"

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟซบุ๊กเพจ "Drama-addict" ได้โพสต์ข้อความ อ้างอิงข้อมูลจาก WHO ระบุว่า "ในกลุ่มที่ทำงานแบบ Overwork ซึ่งหมายถึงคนที่ทำงานมากกว่า 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (อายุในช่วง 45-74 ปี)

สาเหตุการเสียชีวิตสูงสุด คือ โรคหัวใจ 42% และเส้นเลือดในสมอง 19% ซึ่งประเทศที่มีผู้เสียชีวิตในรูปแบบนี้มากสุด อยู่ที่ เอเชียอาคเนย์ แถวบ้านเรานี่เอง

โดยข้อมูลปีละ 745,000 คศพนี้ เป็นสถิติช่วงปี 2016 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2000 ประมาณ 29% และกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ และผู้เสียชีวิต 72% เป็นเพศชาย

WHO คาดการณ์ว่า สถานการณ์น่าจะแย่ลงในอนาคต เพราะผลกระทบจากโควิด ที่ทำให้คนทำงานแบบ WFH กันมากขึ้น เพราะคนจะแยกเวลาทำงาน เวลาพักไม่ออก กลายเป็นอยู่บ้านแล้ว ทำงานกันทั้งวัน เข้าวิดีโอคอล Zoom กันทั้งวันทั้งคืน

ดังนั้น วาทกรรมที่แพร่หลายมานานว่า งานหนักไม่ทำให้ใครตาย จึงไม่เป็นความจริง และการทำงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อนออกกำลังกาย ทำให้คนตายปีละเจ็ดแสนกว่าศพ และอาจถึงปีละล้านในอนาคตอันใกล้

วัยทำงานทุกท่าน ถ้าร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือน ต้องเหยียบเบรกแล้ว เราไม่ได้หนุ่มแน่น โหมงานทั้งวันทั้งคืนแบบสมัยหนุ่มๆ ไม่ไหวแล้ว ก็ต้องพักผ่อน ออกกำลังกาย ชีวิตและครอบครัวสำคัญกว่า ต่อให้เราตายไป องค์กรเขาก็หาคนมาแทนที่ได้นะครับ"

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ เอาจริงกฎหมายแรงงานเรายังให้ทำ 6 วันเลย น่าจะปรับจาก 48 ชม. เป็น 45 ได้แล้ว, คำพูดพวกนั้นจะออกมาจากนายจ้างที่เอาเปรียบลูกน้อง ทำได้ ทำเพิ่ม ทำไม่ได้บอกไม่พัฒนาตัวเอง, องค์กรขาดเราอย่างมากก็เป๋ไปไม่นาน แต่ถ้าครอบครัวขาดเรานี่สิ..เป๋ยาวๆ เลยนะ คิดให้ดีๆ ให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้นด้วย ฯลฯ.

...

ที่มาจาก เฟซบุ๊ก Drama-addict