สองผัวเมียล้มทั้งยืน ถูกคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็น "สรรพากร" หลอกดูดเงินเก็บก้อนสุดท้าย ทั้งที่ไม่เคยกดโอน ร้องเป็นเดือนคดีกลับไม่คืบ ล่าสุดตำรวจเผยจะเร่งติดตามเรื่องให้
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 10 มกราคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับคุณโชติวรรณ มุงเมือง, คุณอนัน เกิดสีทอง และทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ในประเด็นถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากร ก่อนถูกดูดเงินล้าน ก้อนสุดท้ายของชีวิต
คุณโชติวรรณ มุงเมือง ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตอนเย็นของวันที่ 7 ธ.ค. 65 มีผู้ชายโทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ถามว่าต้องการยกเลิกภาษีในการใช้โครงการคนละครึ่งไหม ซึ่งตนเองนั้นเคยใช้โครงการเมื่อตอนขายก๋วยเตี๋ยวในต่างจังหวัด จึงถามว่ายกเลิกได้ไหม เขาบอกว่าได้ เลยตอบยอมยกเลิกไป เนื่องจากตอนนี้ก็เลิกขายแล้ว จึงอยากยกเลิก จากนั้นเขาก็ให้เราพิมพ์แจ้งชื่อนามสกุลไป และก็ส่งข้อมูลให้ติดต่อกันผ่านไลน์
ต่อมาเขาก็ส่งข้อความว่า ให้พูดคุยแล้วกดปุ่ม "การต้องการยกเลิกเก็บภาษีย้อนหลัง" ก่อนจะโทรไลน์คุยกันในระหว่างพิมพ์ข้อมูล แต่ไม่ทราบว่าได้กดลิงก์อะไรหรือเปล่า เพราะจู่ๆ โทรศัพท์ก็ดับไป หน้าจอดำประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วเขาก็วางสาย บอกว่าเสร็จแล้วให้คุยกันในไลน์ต่อ ซึ่งตนเองนั้นใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์ สักพักก็มีข้อความโฆษณาของธนาคารเข้ามา กดเข้าไปดูเห็นว่าเงินหายไปแล้ว เหลืออยู่ 700 บาท ซึ่งในตอนแรกยอดเงินเหลือ 1,090,700 บาท พอหายหมดก็ตกใจมาก ทำตัวไม่ถูก แล้วเงินก้อนสุดท้ายนั้นก็ต้องโอนเงินให้ลูกไป เพราะเขาแจ้งว่าจะตัดน้ำตัดไฟ
...
หลังจากทราบเรื่องว่าเงินหาย ก็รีบแจ้งความ แต่ตำรวจบอกทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีเบอร์ปลายทาง แจ้งความไม่ได้ ข้อมูลมันต้องมีครบถ้วน ต้องใช้หลักฐานการโอนเงิน แต่ตนเองก็ไปที่ธนาคารต่อ เขาก็ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่เราโอนเงินไป มีครบทุกอย่าง ทั้งชื่อและที่อยู่ รวมถึงหมายเลขบัตรประชาชน แต่ตำรวจบอกว่าไม่สามารถดำเนินคดีได้ มีหน้าที่รับแจ้งความออนไลน์อย่างเดียว แล้วบอกให้เราไปติดตามที่ตำรวจไซเบอร์เอง
ประมาณอาทิตย์นึง เขาให้เบอร์ส่วนกลางเชียงใหม่มา โทรไปหาตำรวจที่นั่น เขาบอกว่าเขาคนทำงานคนเดียว ก็ 400-500 คดีแล้ว แต่ยังไม่เห็นเรื่องอะไรของเราส่งมาเลย แต่จะแจ้งระงับปลายทางให้ พร้อมแนะนำให้ไปคุยที่ สน.ที่เราแจ้งความไว้อีกรอบหนึ่ง เพื่อจะได้ดำเนินการเร็วขึ้น ตนเองจึงโทรไปที่สถานีตำรวจที่เดิม เขาก็พูดว่า คุณไม่ต้องไปทำอะไรทั้งนั้นให้อยู่เฉยๆ บอกว่าบางคนคนโดนเยอะกว่านี้อีกยังไม่ได้คืนเลย จึงไปขอความช่วยเหลือจากธนาคาร แต่ให้ไปรอตั้งแต่เช้า จนถึง 6 โมงเย็น ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
ด้าน นายอนันต์ เกิดสีทอง ผู้เสียหาย เผยว่า เงินที่หายไปก็ต้องทำใจยอมรับ แต่เป็นเงินทั้งชีวิตเลย ตอนเกิดเหตุ ก็ต้องไปสถานีตำรวจถึง 2 วัน เพราะเขาบอกทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายตำรวจก็ออกหนังสือให้ ไปยื่นเรื่องที่ธนาคารต่อ
ขณะที่ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เผย โดยปกติแล้วจะมีสัญญาที่เรียกว่า "การฝากทรัพย์" เป็นสัญญาที่ทำไว้ระหว่างลูกค้ากับธนาคาร ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การโอนหรือถอนเงินต้องเป็นลูกค้าเจ้าของบัญชีเท่านั้น หากมีการแอบอ้างหรือสวมรอยเอาเงินออก โดยที่เราไม่เต็มใจ ทางฝ่ายธนาคารต้องรับผิดชอบ ในส่วนนี้ธนาคารต้องไปแจ้งความเอาผิดกับแก็งคอลเซ็นเตอร์ แล้วนำเงินมาคืนประชาชน
ดังนั้นธนาคารต้องรับผิดชอบทั้งหมด ไม่อย่างงั้นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นคือแม้อ้างว่าลูกค้าเป็นคนกดลิงก์จากโทรศัพท์เอง แต่หากเราไม่ยินยอมให้คนอื่นมาแอบอ้าง จะปัดความรับผิดชอบให้ประชาชนไม่ได้ ทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้อง ในตอนนี้ก็ต้องให้ทางตำรวจตามไปจนสุดทาง
ด้าน พ.ต.อ. พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ ผู้กำกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยว่า ตนเองจะขอตรวจสอบ แล้วจะประสานให้ เพราะทำงานด้านการป้องกัน และในมุมของการป้องกันเตือนภัย โดยปกติแล้ว คอลเซ็นเตอร์จะหลอกให้เรากลัวพฤติกรรมที่เจอล่าสุด คือมีลิงก์ให้เราดาวโหลด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระบบแอนดรอยด์ แต่ท้ายที่สุดคือต้องการยัดแอปให้เข้ามาอยู่ในมือถือเรา หากเราทำตามก็จะเหมือนกับการยื่นมือถือให้คนร้ายเข้ามา สามารถทำอะไรก็ได้ วิธีการป้องกัน หากโทรศัพท์ไม่ค้างหรือดับ วิธีที่ตัดทุกอย่างคือ "เปิดโหมดเครื่องบิน" หากเครื่องค้างให้ กดปุ่มเปิด-ปิดแช่ไว้เลย ในส่วนของการตามเงินคืน จะไปไล่ตามตัว และดูพยานหลักฐานต่อไป
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.