สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ยื่นหนังสือต่อกรรมการ กสทช. ร้องให้ตรวจสอบหลักการจัดสรรลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 65 สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) เผยว่า ตามที่สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ผ่านกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ได้ให้เงินสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก (รอบสุดท้าย) จำนวน 600 ล้านบาท แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อนำไปเป็นเงินตั้งต้น ในการดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 จากกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ โดยมีหลักการตามบันทึกข้อตกลง ที่ได้ระบุไว้ว่าให้จัดสรรการถ่ายทอดสด แก่ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลอย่างเท่าเทียม และทั่วถึงทั้ง 64 คู่ตลอดการแข่งขัน

โดยการดำเนินการของการกีฬาแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการจัดสรรการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นให้มีการประชุมเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 65 มีข้อสังเกตถึงความไม่ถูกต้อง ในการจัดสรรการถ่ายทอด สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) จึงเรียนมายังคณะกรรมการกสทช. เพื่อตรวจสอบ และวินิจฉัยว่าการจัดสรรในครังนี้ มีความถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ ตามรายละเอียดดังนี้

1. การได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 600 ล้านบาท จากกองทุนกทปส. ซึ่งเป็นเงินที่ได้ส่งมอบมาจากผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ เพื่อเป็นเงินทุนในการสนับสนุน ส่งเสริม วิจัย และพัฒนาในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ นั่นหมายถึงผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ได้ร่วมสนับสนุนไปกับกิจกรรมนี้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ การจัดสรรแมตช์ในการถ่ายทอดสดให้แก่ช่องต่างๆ ควรเป็นไปตามมติในการให้เงินสนับสนุนของ กสทช.ทั้ง 64 แมตช์ (แบ่งสิทธิประโยชน์ตามสัดส่วนของการสนับสนุน คือมติเป็น 40% ของงบประมาณการซื้อลิขสิทธิ์ 1,400 ล้านบาท) ไม่ใช่เพียง 32 แมตช์ และได้รับหลังจากที่ผู้สนับสนุนหลัก (กลุ่มทรู ซึ่งมีธุรกิจเป็นช่องทีวีดิจิทัลด้วย) ได้เลือกแมตช์สำคัญไปแล้ว ซึ่งสะท้อนถึงความไม่ทั่วถึงและไม่เท่าเทียมอย่างมาก
  
2. กรณีกลุ่มทรูให้การสนับสนุนจำนวน 300 ล้านบาท ได้รับสิทธิประโยชน์ ครอบคลุมสิทธิ์การถ่ายทอด ทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์ม แบบ exclusive ได้สิทธิ์ในการเลือกคู่แข่งขัน จำนวน 32 แมตช์ และได้นาทีโฆษณา จากช่องทีวีดิจิทัลที่ร่วมถ่ายทอดจาก กกท. 

...

ส่วน กสทช.สนับสนุนเงินผ่านกองทุนกทปส. จำนวน 600 ล้านบาท ด้วยมติต้องจัดสรรสิทธิ์การถ่ายทอด ให้แก่ช่องทีวีดิจิทัล ซึ่งเป็นแหล่งที่มารายได้ของกองทุน อย่างทั่วถึง เท่าเทียม ทั้ง 64 แมตช์ กลับได้รับการจัดสรรสิทธิ์เพียง 32 แมตช์ และเป็นแมตช์ที่เหลือจากที่กลุ่มทรูได้เลือกไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ไม่เป็นธรรม และผิดต่อหลักการ "ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ" และเอื้อประโยชน์กับเอกชนรายใดรายหนึ่งอย่างชัดเจน

3. ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดสรรการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 19 พ.ย. 65 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น. โดยให้สิทธิ์แก่กลุ่มทรูที่เป็นผู้สนับสนุนหลักได้เลือกแมตช์ต่างๆ ก่อน โดยแบ่งส่วนที่เหลือจากการเลือก 32 แมตช์ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ทั้ง 21 ช่องที่ร่วมถ่ายทอด

ทั้งนี้ สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) และสมาชิกช่องสถานี ได้ทักท้วงหลายครั้งต่อกกท. ในหลักการที่ไม่สอดคล้องกับมติ "ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ" ของ กสทช. แต่ทางกกท. ก็ยังยืนยันที่จะดำเนินการต่อไป ในการนี้ทางสมาคมฯ จึงเรียนมายังคณะกรรมการกสทช.

เพื่อยืนยันว่าการที่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลของสมาชิก 13 ช่องที่เสนอรับสิทธิ์ร่วมถ่ายทอด ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของ กกท. ซึ่งขัดต่อหลักการ "ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ" แต่ได้จำยอมร่วมจับฉลากไปในวันที่ 19 พ.ย. 2565 นั้น เหตุเพราะคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ชมฟุตบอลโลก ที่จะมีการถ่ายทอดสดคู่แรก ในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. 2565 เวลา 23.00 น. ให้สามารถดำเนินไปได้ก่อน และได้แจ้งต่อที่ประชุมของ กกท. อย่างชัดเจนแล้ว

การจับฉลากครั้งนี้สมาคมฯ ไม่ถือเป็นการยอมรับในหลักการและวิธีการของ กกท. ขอสงวนสิทธิ์ในการทักท้วงไม่เห็นด้วยในการจัดสรรการถ่ายทอดของ กกท. โดยเรียนมายังคณะกรรมการกสทช. เพื่อวินิจฉัยว่า การจัดสรรสิทธิการถ่ายทอดสดของกกท. เป็นไปโดยชอบ และขัดกับหลักการ "ทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ" ของ กสทช.หรือไม่อย่างไร.