ตำรวจหนุ่มแชร์ประสบการณ์ การต่อสู้กับ "โรคมะเร็งปอด" ที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ตับ จนถึงกระดูก เตือนทุกอย่างในชีวิตไม่แน่นอน แต่หากเกิดขึ้นแล้วต้องตั้งสติ

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 จากรณีที่ "หมอหนุ่ม" หมอกฤตไท ธนสมบัติกุล วัย 28 ปี ที่เปิดเพจเฟซบุ๊ก "สู้ดิวะ" เพื่อเล่าประสบการณ์ป่วยเป็น "มะเร็งปอดระยะสุดท้าย" จนทำให้โซเชียลแห่ส่งกำลังใจ

ต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติ ก็ได้มาให้ข้อคิดเตือนใจกับกรณีดังกล่าว ระบุข้อความว่า ในวันที่ยังออกกำลังกายได้ ออกเถอะเชื่อผม เพราะวันที่ได้แต่มองดูคนอื่นออกกำลังกายมันทรมานเสียจริงๆ งานอะไรที่ทำให้เสียสุขภาพ จงรักษาสมดุลชีวิตให้ดี สุขภาพหาซื้อไม่ได้ เชื่อผมเถอะ

เวลาตกเหว คุณไม่ได้ตั้งตัวหรอก เชื่อผมเถอะ ทุกอย่างมันจะประดังเข้ามา แต่ขอให้คุณตั้งสติ ใจชนะ อะไรมันก็ชนะ เคยตั้งเป้าหมายในชีวิตอะไรมากมาย แล้ววันนึง คุณจะเข้าใจว่า ตื่นมา มีลมหายใจในวันใหม่ ก็มีความสุขแล้ว มันเริ่มจากปอด ไปต่อมน้ำเหลือง ไปตับ ไปกระดูก แต่อย่างที่บอก ถ้าใจไม่ได้ ยาอะไรก็ช่วยไม่ได้

...

ทั้งนี้ยังได้โพสต์เล่าเรื่องราว การป่วยเป็นมะเร็งของตนเองว่า เป็นตำรวจ ทำงานหนักพักผ่อนน้อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจถึงขั้นเสพติดเลยก็ว่าได้ กินเหล้า สังสรรค์บ้าง ตามประสาวัยรุ่น แต่ไม่สูบบุหรี่ ที่บ้านก็ไม่มีใครสูบ

พอวันสงกรานต์ ปี 65 อยู่ๆ ปวดแขนขวา แข็งๆ ตึงๆ งอลำบาก สีเริ่มเปลี่ยน ไปหาหมอตั้งหลายที่ ก็ให้แต่แก้อักเสบมาทาน ก็ไม่หาย 3 วันต่อมา มีบวมๆ ที่คอด้วย เลยไปหาหมอ โรงพยาบาลตำรวจ เค้าจับแอดมิต ให้ยาแก้อักเสบ 6 วัน ก็ไม่หาย เลยเจาะชิ้นเนื้อที่คอไปตรวจ อีกอาทิตย์นึงผลออกเป็นมะเร็งปอด ระยะลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ช็อกเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นตั้งสติดีมาก ไม่ท้อเลย คิดหาทางแก้ไขอย่างด่วน

ขั้นตอนการรักษาคือ คีโม (เคมีบำบัด) ฉายรังสี (ฉายแสง) บริเวณทรวงอก โอ้โห อธิบายความทรมานออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แสบหลอดอาหาร ตื่นทุกชั่วโมง ต้องนอนคว่ำเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร อดทน เชื่อว่ามันต้องหาย

หมอมาร์กจุด เตรียมฉายแสงผมร่วงจริงๆ แต่มันค่อยๆ ร่วง (ในภาพคือโกนหัวซะเลย) มันร่วงเป็นหย่อมๆ นี่ฉายแสงเกือบจะครบคอร์ส 33 ครั้ง คอไหม้ แต่คิดบวกเข้าไว้ อย่าท้อ อย่าหมกอยู่แต่ในห้อง ออกมาสูดอากาศ สวนสาธารณะบ้าง แต่ตอนนี้คือวิ่งไม่ได้แล้ว หอบ เหนื่อย ไอเยอะ เลยได้แต่เดินๆ แกว่งๆ แขน ดูคนอื่นออกกำลังกายมันก็ทรมานดี

เข้าเครื่อง PET Ct ดูว่าการรักษาตอบสนองมั้ย ช็อกอีกรอบ ไม่ตอบสนองเลย เซลล์เนื้อร้ายขนาดเท่าเดิม 1.4 ซม. ในปอด ยังไม่พอ กระจายไปตับอีกหลายจุด กระจายไปกระดูกสันหลังอีกจุดนึง

ตอนนั้นคือ ใจมันตกไปอยู่ตาตุ่มจริงๆ หมอบอกคงต้อง เปลี่ยนแผนการรักษาจากที่จะให้หายขาด เป็นประคองไปเรื่อยๆ ก็คือ คงคีโม ไปเรื่อยๆ (ในใจคือปล่อยแล้วนะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด) แต่ในความโชคร้ายมันก็ยังมีความโชคดี หมอเอาชิ้นเนื้อที่เคยเจาะไว้ ไปตรวจด้วยการย้อมสีเพิ่มเติม จึงรู้ว่า เซลล์กลายพันธ์ุ ชนิด ALK ซึ่งพบน้อยมากในคนเอเชีย (ทุกวันนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้เลย ว่าเป็นมะเร็งจากสาเหตุใด)

หมอแจ้งว่า มียามุ่งเป้า (targeted therapy) ซึ่งมันจะไปกดให้เซลล์ร้าย สงบ แล้วก็ใช้ชีวิตกับมันไปเรื่อยๆ กินยาตลอดชีวิต จนกว่าจะดื้อยา ก็ลองยาตัวนี้มาได้เดือนกว่าๆ แล้ว รู้สึกดีขึ้นนะ เพลียน้อยลง เริ่มออกกำลังกายได้ดีมากขึ้น ก็ขอให้มันตอบสนอง แล้วก็คงต้องกอดคอกันไปกับมัน มีเวลาว่าง ก็เลยหันมาพึ่งทางธรรมบ้าง ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำอวยพร มันช่วยได้จริงๆ นะ

อยากจะฝากถึงทุกๆ คน ทุกๆ อย่างในชีวิตไม่แน่ไม่นอนจริงๆ แต่หากเกิดขึ้นแล้ว ต้องตั้งสติ เตรียมรับมือ และสิ่งที่อยากจะบอก กาดอกจันทร์ 100 ดวง คือคำว่า "ใจ" ใจมันต้องได้นะ ยาจะดีแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่ได้ ยามันก็ไม่ได้ผลหรอก.

ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก รุ่งคุณ จันทโชติ