สรุปดราม่า "โค้ชคลั่งรัก" ฟังจากปาก 2 มุม ฝ่ายชายเชื่อถูกหลอก ขณะที่ผู้หญิงอ้างเหตุผลที่ไม่ได้บอกหมด หลังจากนี้หย่าให้กันแน่นอน

จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ "สายไหม ต้องรอด" ได้โพสต์ภาพของเทรนเนอร์หนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนดังใน TikTok พร้อมข้อความระบุว่า "#เทรนเนอร์ชื่อดังถูกสาวหลอกจดทะเบียนสมรสสูญเงินนับล้าน! แอดครับ ผมเป็นครูสอนออกกำลังกายเป็นที่รู้จักในติ๊กต่อก นางทักมาแล้วก็มาใช้บริการด้วยเงิน 30,000 บาท เริ่มรู้จักกันในเดือนแรกนางก็พาผมไปทานข้าว พาไปเที่ยวบ่อยมาก เดือนที่สองนางเริ่มบอกว่าท้อง ผมก็เลยรับผิดชอบด้วยการจดทะเบียนสมรส เดือนที่สามนางเริ่มใช้บัตรเครดิตของผม ซื้อของแบรนด์เนมต่างๆ เดือนที่สี่นางยังไม่จ่ายตังค์เป็นหนี้ธนาคารสองเดือนแล้วยอดเกือบหนึ่งล้านบาท ยังไม่รวมคอนโดที่นางให้ผมไปเช่าอยู่อีกประมาณ 80,000 บาท

พฤติกรรมนางเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมจ่ายบัตรเครดิตไม่ไหว นางเริ่มทำตัวออกห่าง แล้วก็ติดต่อไม่ได้ ลบ Facebook บล็อก LINE ต่างๆ ผมกดสถานะความสัมพันธ์เป็นแฟนกับนางใน Facebook เริ่มมีผู้เสียหายทักเข้ามาทางแชตมากมาย ผมเริ่มรู้ความจริงว่านางเป็นมิจฉาชีพ นางหลอกผมตั้งแต่แรก หลอกทุกอย่าง

ความจริงก็คือ นางเคยจดทะเบียนสมรสมาแล้วกับแฟนสามคน! เคยมีลูกมาแล้วสี่คน! ข้อมูลพวกนี้ คนบอกผมเป็นแฟนคนแรกของนางแล้วก็ผู้เสียหายอีกมากมายที่นางไปโกงตาม Pages เยอะแยะมากมาย นางตั้งใจหลอกตั้งแต่แรก เป็นคนมีคดีติดตัวครับ มีประวัติการโกงเยอะแยะมากมาย ผมไม่ทราบเลย ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองตอนนี้ก็ติดต่อนางไม่ได้แล้ว ผมอยากเตือนภัยครับ..."

...

  • ซึ่งต่อมา "มาร์ช" เทรนเนอร์หนุ่ม ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า รู้จับกับ "ไบรท์" ราวเดือน มิ.ย.65 โดยติดต่อมาซื้อคอร์สออกกำลังกาย ตกลงราคา 60,000 บาท แต่ฝ่ายหญิงขอจ่ายครึ่งหนึ่งก่อน คือ 30,000 บาท 
  • โดยทั้งคู่สนิทกันโดยใช้เวลาไม่นาน เนื่องจาก มาร์ช เห็นว่า ไบร์ท เป็นผู้หญิงที่เป็นธรรมชาติ ออกกำลังกายเหนื่อยก็ยังหัวเราะได้ ก่อนพัฒนาความสัมพันธ์ ไปทานข้าว ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้ง และเริ่มมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
  • ในช่วงแรกที่คบกัน มาร์ช บอกว่า ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงจะเป็นคนจ่าย หลังคบได้ราว 2 เดือน ไบร์ท ส่งภาพที่ตรวจครรภ์มาให้แล้วบอกว่าท้อง ซึ่ง มาร์ช ดีใจมาก และพร้อมที่จะรับผิดชอบ 
  • ซึ่ง มาร์ช บอกว่า ตอนนี้ ไบรท์ ก็มีอาการเหมือนคนท้อง และเค้าก็ยังส่งผลอัลตราซาวนด์มาให้ดูด้วย 

  • ต่อมา มาร์ช ย้ายจากห้องเช่าเดือนละ 4,000 บาท มาอยู่คอนโดฯ ที่หนึ่งกับไบร์ท ซึ่งต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละ 18,000 บาท โดย มาร์ช อ้างว่า เค้าเป็นคนจ่ายทั้งมัดจำและค่าเช่าห้อง 
  • จากนั้น มาร์ช พาไบร์ท ไปหาครอบครัวที่เชียงใหม่ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งช่วงเวลานั้นมีการแข่งวิ่งพอดี จึงพากันไปลงแข่งวิ่ง และเค้าก็ใช้โอกาสนี้ในการขอ ไบร์ท แต่งงาน ก่อนจะพากันไปจดทะเบียนสมรส รวมถึงถ่ายพรีเวดดิ้ง

  • ต่อมาหลังกลับมาจากเชียงใหม่ มาร์ช เริ่มรู้สึกว่า ไบร์ท เปลี่ยนไป ไม่ค่อยมาเจอกันเหมือนเคย กระทั่งเค้าประสบอุบัติเหตุ แล้วอ้างว่า อีกฝ่าย แทบจะไม่มาดูเลย ทำให้เค้าน้อยใจ จนพ่อต้องบินมาจากเชียงใหม่มาเฝ้าลูกแทน ทำให้ได้รู้วันนั้นเองว่าโน้ตบุ๊กของตัวเองหายไป และเมื่อตรวจดูทรัพย์สินอื่นๆ ก็พบว่า กล้องโซนี่ นาฬิกา ยังหายไปด้วย
  • และเมื่อ มาร์ช ลองกดรับสถานะความสัมพันธ์ว่ากำลังคบกับ ไบรท์ ทางเฟซบุ๊ก ก็พบว่ามีคนทักแชตเข้ามาอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย ถูก ไบร์ท โกงแชร์ และหลอกโอนเงินซื้อของออนไลน์ แต่ไม่ได้รับของ 

  • สามีคนที่ 3 ของ ไบรท์ เป็นหมอ ซึ่งอายุห่างกันประมาณ 20 ปี รับว่าแยกทางกันนานแล้ว และไม่คิดเอาเรื่องที่ฝ่ายหญิงขโมยนาฬิกาไป ที่ผ่านมามีติดต่อกันบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องลูก

  • จากนั้น มาร์ช โทรไปเช็กกับทางโรงพยาบาล ซึ่ง ไบร์ท อ้างว่า ไปฝากครรภ์ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าฟิล์มอัลตราซาวนด์เป็นของปีที่แล้ว ทำให้ มาร์ช มั่นใจว่าน่าจะถูกหลอก

  • หลังจากนั้น มาร์ช เริ่มสืบประวัติจนทราบว่า ไบร์ท มีสามีมาแล้ว 3 คน และลูก 4 คน ซึ่งเรื่องนี้ มาร์ช ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะตอนแรกที่คุยกันฝ่ายหญิงบอกว่าโสด 

  • โดยเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่า ไบร์ท พาคนมาหยิบของภายในห้องไป ซึ่งเท่าที่เห็นภาพจากกล้อง มาร์ช อ้างว่า มีผู้ชายคนหนึ่งที่ถือกล้องของเค้าแน่ๆ 

  • นอกจากนี้ มาร์ช ยังสังเกตว่า ไบร์ท นำบัตรเครดิตของตัวเองไปรูดซื้อของวงเงินเป็นล้านแล้วไม่จ่าย อ้างว่าแม่ป่วยบ้าง ต้องจ่ายค่ารีโนเวตบ้าง และเมื่อ มาร์ช เอารายการมาดู ก็พบว่าส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงเอาเงินไปรูดซื้อแบรนด์เนม รวมถึงรูดในร้านทำผม เป็นยอด 60,000 บาท 

  • ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น มาร์ช อ้างว่า ที่ออกมาร้องเรียน และออกสื่อ ก็เพราะอยากเตือนภัย เนื่องจากเชื่อว่าตัวเองถูกหลอกจดทะเบียนสมรส อีกทั้งเค้ายังเห็นว่า ไบร์ท ยังใช้ชีวิตปกติ ยังมีการโพสต์ขายของอยู่ ทั้งๆ ที่มีผู้เสียหายทั้งมาหา มาร์ช
  • ส่วนคนที่ออกมาแฉ มาร์ช ว่า ก่อนหน้าที่ มาร์ช จะคบ ไบร์ท ก็เคยมีแฟนอยู่ โดย มาร์ช เกาะผู้หญิงคนนี้เพราะรวยมาก ซึ่ง มาร์ช ชี้แจงผ่านรายการโทรทัศน์ว่า กับแฟนเก่าคบมานาน 8-9 ปี แต่ฝ่ายหญิงมีลูกไม่ได้ บวกกับมีปัญหากัน ทำให้เขาแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว และเจอ ไบร์ท 


ถึงคราวที่ "ไบร์ท" ขอพูดบ้าง แม้หลังจากนี้เธออาจจะโดนทัวร์ลง เพราะเธอมองว่า อยู่เฉยๆ ก็โดนด่าอยู่ดี ก็ขอออกมาอธิบายบ้างก็แล้วกัน

  • โดย ไบร์ท ยืนยันว่า เค้าไม่เคยคิดจะหลอก มาร์ช เพราะถ้าจะหลอกผู้ชาย คงไม่เลิกกับสามีคนที่สาม ซึ่งเป็นหมอ ซื้อบ้านให้อยู่หลังละ 10 ล้าน ซื้อเบนซ์ให้ขับ ให้เงินเดือน มาอยู่กับเทรนเนอร์
  • ยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีสามีมาแล้ว 3 คน คนแรกเป็นช่างเครื่องมือแพทย์ คนที่สองเป็นทหาร ยศไม่ได้ใหญ่โต คนที่สามเป็นแพทย์ และมีลูกอีก 4 คน แต่ที่ไม่ได้บอก มาร์ช เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะคบจริงจัง 
  • ยืนยันว่าท้องจริงๆ แต่แท้งแล้ว เพราะการไปวิ่งที่เชียงใหม่ และทำกิจกรรมอื่นๆ กับ มาร์ช โดย มาร์ช เองก็รู้ว่าตัวเองแท้ง เนื่องจากส่งไลน์ไปบอกว่ามีเลือดออก ส่วนภาพอัลตราซาวนด์เป็นของเก่า เนื่องจากการไปหาหมอต้องมีค่าใช้จ่าย แต่ทาง ไบร์ท อ้างว่า มาร์ช ไม่ได้ช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอ
  • ส่วนกรณีบัตรเครดิต ไบร์ท อ้างว่า ช่วง 2 เดือนแรก ฝ่ายชายก็ใช้บัตรของตนเหมือนกัน และก็หมดไปเกือบล้าน ซึ่งตัวเองมองว่าเป็นการใช้ร่วมกัน ส่วนที่รูดในร้านทำผม 60,000 บาทนั้น เป็นการรูดเพื่อเอาเงินสดออกมา พร้อมกับยืนยันว่า ไม่เคยโทรไปขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตของ มาร์ช และถ้ามีหลักฐานให้นำออกมา
  • นอกจากนี้ ไบร์ท เคยเสนอให้ มาร์ช จ่ายขั้นต่ำ และต้องหารกันคนละครึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาการใช้จ่ายทั้งหมดเป็นการใช้ร่วมกัน 

  • ขณะที่กล้องโซนี่ที่ มาร์ช อ้างว่าหายไป ตนเอามาจริง และเอาไปขายแล้ว ส่วนโน้ตบุ๊กไม่ทราบจริงๆ และว่า เคยบอกฝ่ายชายให้ลองใช้แอปฯ ในการค้นหาตำแหน่งแล้ว
  • หลังจากนี้จะไปจดทะเบียนหย่าให้ จริงๆ จะหย่านานแล้ว แต่เค้าไม่ยอมคุย เจอกี่ครั้งก็บอกว่าให้คุยผ่านทนายเท่านั้น

    ภาพจาก โหนกระแส
    ภาพจาก โหนกระแส
  • ส่วนที่มีคนออกมาแฉว่า ไบร์ท กำลังคบกับเด็ก 17 ไบร์ท ยอมรับว่า คบจริง เพิ่งคบกันได้ไม่นาน เพราะเด็กมันน่ารัก และอยากเป็นคนคลั่งรักบ้าง ส่วนที่ไปบอกเด็กว่าท้องนั้น ไบร์ท ปฏิเสธ อ้างว่าแค่บอกว่าประจำเดือนขาดเท่านั้น และหากว่า ทางแม่ของเด็ก 17 ไม่ปลื้ม ก็คงจะไม่คบต่อ
  • นอกจากนี้ยังได้เคลียร์ประเด็นขโมยนาฬิกาของสามีคนที่ 3 ด้วยว่า เอาไปจริง เอาไปขาย 
  • ส่วนผู้เสียหายที่ให้ข้อมูลว่าถูก ไบร์ท หลอกขายนาฬิกาหรูให้ โดยส่งเป็นของเล่นมาแทน ไบร์ท ยอมรับ และว่าจะมีการชดใช้ให้ภายในอาทิตย์นี้ทั้งหมด ส่วนผู้เสียหายคนอื่นๆ ก็ยินดีที่จะรับผิดชอบเช่นกัน แต่ทั้งหมดต้องขอเวลาหน่อย 
  • สุดท้าย ไบร์ท ยังอ้างด้วยว่า ตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ย้ำคิดย้ำทำ รวมทั้งเป็นแพนิก หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตยังไง เพราะไม่ได้อยากรบกวนญาติพี่น้อง