หมอตอบข้อสงสัย กรณีโซเชียลถกสนั่น "เด็ก 11 ปี ขอฝังยาคุมกำเนิด" ชี้วัยรุ่นอายุ 10 ปีขึ้นไป สามารถขอรับบริการเองได้ โดยไม่ต้องรอผู้ปกครอง หรือผู้แทนอนุญาต

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นที่ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor เผยภาพแชตของคุณหมอท่านหนึ่งที่สงสัยว่า หากพบเด็ก 11 ขวบมาขอฝังยาคุม ควรจะจัดการอย่างไร ซึ่งชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย

ต่อมา นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ขอแบ่งแนวทางเป็น 2 ส่วน คือ ทาง clinical และทางกฎหมาย

ทาง clinical

  • ทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ดูมีข้อบ่งห้ามตาม medical eligibility criteria หรือไม่
  • ประวัติมีความสำคัญมาก ว่าเหตุใดถึงอยากมาฝังยาคุม (การซักประวัติต้องทำอย่างระมัดระวัง ให้เกียรติ ไม่ตัดสิน) บางคนมีแฟน (แฟนอาจจะแก่กว่า เท่ากัน เด็กกว่า) บางคนทำงาน (sex worker) บางคนเป็นเด็กเก็บแต้ม บางคนถูกกระทำความรุนแรง
  • ตรวจร่างกายหาข้อบ่งห้าม
  • ให้คำแนะนำ เรื่อง side effect ของยาฝังคุมกำเนิด
  • ให้คำแนะนำเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (แนะนำให้ใช้ถุงยางร่วมด้วยทุกครั้ง)

...

ทางกฎหมาย

  • ตาม พ.ร.บ.ตั้งครรภ์วัยรุ่น ผู้รับบริการมีสิทธิ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องถามผู้ปกครอง หมายเหตุ กรณีนี้ดีที่สุด คือ ดูแลแบบสหสาขา หมอสูติ หมอเด็ก psy แต่หากการดูแลร่วมทำได้ยาก (ต้องมาหลายวัน มาหลายครั้ง) หมอคนเดียวก็สามารถดูแลได้

ด้าน ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความ ระบุว่า เนื่องจากมี status จากเพจ ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor ที่เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก ตามรูปแรก ได้ตอบคอมเมนต์ใน status นั้นไปแล้ว แต่คิดว่ายังมีอีกคนหลายคน ยังไม่ทราบถึงกฎหมายเรื่องนี้ จึงขอสรุปประเด็น (เฉพาะแง่กฎหมาย) ในกรณีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องการคุมกำเนิด

  1. ตามกฎหมายเรื่องนี้ กำหนดไว้ชัดเจนว่า วัยรุ่น คืออายุเกิน 10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี และวัยรุ่นมีอำนาจในการตัดสินใจด้วยตนเอง ในการเข้ารับบริการอนามัยเจริญพันธุ์ ซึ่งรวมถึงการคุมกำเนิด (บริการอนามัยเจริญพันธ์ุมีอะไรบ้าง ให้ดูตามรูปสอง) สรุปคือ วัยรุ่นอายุมากกว่า 10 ปี สามารถขอรับบริการฝังยาคุมกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านผู้ปกครอง หรือผู้แทนใดๆ เพราะวัยรุ่นมีอำนาจยินยอมตามกฎหมาย ทั้งนี้การให้ความยินยอม สามารถทำด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษรก็ได้ แต่ถ้าทำด้วยวาจา ต้องมีการบันทึกไว้ในเวชระเบียน
  2. กรณีวัยรุ่นอายุ 15 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี สามารถตัดสินใจเองได้ทุกอย่างในการรับบริการอนามัยเจริญพันธุ์ รวมถึงการทำแท้ง แต่ถ้าอายุไม่ถึง 15 ปี ก็สามารถตัดสินใจเองได้ทุกอย่างเช่นกัน เว้นแต่เรื่องทำแท้งที่ต้องมีผู้ปกครองอนุญาต (ตามข้อ 12 รูปสาม)
  3. บุคลากรทางการแพทย์ ห้ามเปิดเผยข้อมูลการให้บริการนี้ให้กับผู้อื่น เว้นแต่วัยรุ่นให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร หรือวัยรุ่นถูกล่วงละเมิด หรือมีข้อยกเว้นอื่นๆ (ข้อยกเว้นอื่นๆ ดูได้จากข้อ 13 รูปสาม) สรุปคือ กรณีวัยรุ่นมาคนเดียว การแจ้งผู้ปกครองหรือครู หรือตำรวจลับหลัง โดยไม่เข้าตามเกณฑ์ข้อ 13 รูปสาม คนแจ้งมีความผิดได้ ทั้งนี้ไม่ได้บอกไม่ให้แจ้งทุกกรณี เช่น หากพูดคุยแล้ววัยรุ่นอยากให้แจ้งผู้ปกครอง แล้วอนุญาตเราเป็นลายลักษณ์อักษร ก็แจ้งได้ ส่วนการแจ้งตำรวจให้พิจารณาเป็นรายๆ ไป ดูคำตอบจากข้อถัดๆ ไปได้
  4. ถ้าเกิดวัยรุ่นยินยอมให้ฝังยาคุมด้วยตนเอง แต่สุดท้ายมีผลข้างเคียง พ่อแม่ของวัยรุ่นฟ้องร้องเรา แล้วเราจะมีความผิดไหม คำตอบคือ ถ้าเราอธิบายเด็กครบถึงข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงจากการฝังยาคุมแล้ว ประเมินแล้วเด็กเข้าใจดี บุคลากรทางการแพทย์ไม่มีความผิดแน่นอน เพราะกฎหมายให้อำนาจเต็มในการให้ความยินยอมแก่เด็กแล้ว
  5. การที่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี มีเพศสัมพันธ์ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย มีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือ กฎหมายให้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 15 ปี มีความผิดทางอาญา ถึงแม้วัยรุ่นจะยินยอม แต่ไม่แนะนำให้แจ้งคดีนี้กับตำรวจ(ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าแพทย์พบคนโดนยิง โดนแทง พบยาเสพติดในตัวคนไข้ แพทย์ก็ไม่ได้ไปแจ้งความ) เว้นแต่เราเห็นว่าเป็นกรณี child abuse เพราะเป็นข้อยกเว้นที่ให้เราเปิดเผยความลับกรณีนี้ได้ตามข้อ 13 ในรูปสาม และการเปิดเผยความลับยังไม่มีความผิด โดยใช้หลักการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ดังนั้น การซักประวัติเหตุผลที่วัยรุ่นจะคุมกำเนิด จึงมีความสำคัญมาก ซึ่งหากพบว่ามีลักษณะ เป็น child abuse สามารถแจ้งตำรวจ หรือสังคมสงเคราะห์แล้วแต่กรณีได้เลย
  6. หากวัยรุ่นคนใดหาที่ทำไม่ได้ หรือโดนปฏิเสธ ให้ติดต่อ 1663 (เครือข่าย rsa thai) ว่ามีสถานพยาบาลไหนที่รับทำได้

สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ดังนี้

ขอบคุณข้อมูล เฟซบุ๊ก ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor, Olarik Musigavong, Smith Fa Srisont