ชาวเน็ตร่วมแสดงความคิดเห็น เมื่อเพจ "เส้นด้าย" ยกเคสตัวอย่าง วอนปฏิวัติระบบสาธารณสุข ชี้เป็นอุปสรรคกับการต่อสู้กับโควิด
วันที่ 19 ก.ค. 65 เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งพบผู้ป่วยวันละหลายพันคน ขณะที่เริ่มมีผู้ป่วยบางคน ที่พบปัญหาในการรักษาในโรงพยาบาลที่ตัวเองมีสิทธิ์อยู่ ไม่ว่าจะเป็น ไม่ได้รับยาต้านไวรัส ไม่สามารถจองคิวเพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ์ได้ แม้จะเป็นกลุ่มเสี่ยง และมีอาการไม่สู้ดีนัก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ "เส้นด้าย - Zendai" ซึ่งเป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดตั้งแต่เกิดการระบาดในประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน ได้โพสต์ข้อความ แสดงความคิดเห็นผ่านเพจว่า "เส้นด้ายขอส่งเสียงให้ ‘ปฏิวัติ’ ระบบสาธารณสุขที่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้กับโควิด-19
ในเดือนกรกฎาคมนี้เส้นด้ายต้องพบเจอกับเคสโควิดมากมายหลายสิบเคส มีทั้งที่สามารถช่วยเหลือได้และไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน…
ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันแต่สาเหตุเกิดจากเรื่องเดียวกันคือ…ผู้ป่วยต้องวิ่งเข้าหาระบบการรักษาเอง ?!?!?!
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) เส้นด้ายได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคุณพี่ผู้ชายคนหนึ่งอายุ 34 ปี น้ำหนัก 136 กก. ติดโควิด มีอาการหอบเหนื่อย ไข้สูง และมีภาวะ Sat drop (ออกซิเจนในเลือดต่ำ) ซึ่งเป็นอาการที่อันตรายของผู้ป่วยโควิด ผู้ป่วยไม่มีแรงไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลเองได้ และไม่สามารถโทรติดต่อโรงพยาบาลตามสิทธิ์ได้เลย…
เส้นด้ายไปถึงได้จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วย หลังจากนั้นเมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ได้ลองให้ผู้ป่วยโทรไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์อีกครั้ง ครั้งนี้มีผู้รับสายได้รับคำแนะนำว่าผู้ป่วยต้องไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง แม้จะไม่มีแรงหรือมีความสามารถในการเดินทาง
การทำงานของเส้นด้ายในช่วงที่โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ปัญหาหนึ่งที่พบคือ ‘เมื่อผู้ป่วยติดโควิด ต้องเดินทางไปและกลับในการรักษาเอง’
ผู้ป่วยหลายคนต้องเดินทางเข้าหาระบบการรักษาเองบางคนที่มีความสามารถหน่อยก็โดยสารรถแท็กซี่ หรือบางคนก็ต้องโดยสารรถสาธารณะในการเดินทาง
ในเคสผู้สูงอายุบางเคสที่เส้นด้ายเคยพบคือ ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางไปหาหมอได้ หลายครั้งเส้นด้ายทำงานโดยประสานงานกับ มูลนิธิต่างๆ ในการส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล
แต่เมื่อเข้ารับการรักษาแล้วแพทย์ประเมินว่าผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงให้กลับไปรักษาที่บ้าน ผู้ป่วยก็ต้องเดินทางกลับเอง…
ถึงเวลาแล้วที่ ‘ระบบสาธารณสุข’ ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างทันที เพราะประชาชนต่อสู้และดูแลกันอย่างเต็มที่แล้ว
สู้กับโควิดอย่างเดียวพอ อย่าต้องให้เราสู้กับระบบการรักษาที่ยุ่งยากอีกอย่างเลย #เส้นด้าย #เส้นของคนไม่มีเส้น"
ซึ่งหลังจากที่ข้อความถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ สธ.ให้กักตัวให้ครบ 10 วันไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อให้คนอื่น มันแพร่เชื้อตั้งแต่ต้องออกไปรับยาเองที่ รพ. แล้วแหละ 5555, จริงครับ ออกสื่อว่า ยาพร้อม เตียงเพียงพอ แต่ประชาชน กลุ่มเสี่ยง เจอตรงกันข้าม เงื่อนไขแต่ละ รพ. ไม่ชัดเจน ไม่เหมือนกัน บุคลากรไม่เพียงพอ และไม่เข้าใจหลักการทำงานที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด, แม่เสียลูกชายไปก็เพราะระบบนี้ เส้นด้ายพูดถูกและเข้าใจคนขอบคุณที่เป็นกระบอกเสียงให้ค่ะ รักเส้นด้ายทุกคน, จริงค่ะ ไปหาหมอประกันสังคม แต่ไม่ได้พบแพทย์ พบแต่พยาบาลวัดไข้ ออกซิเจนและให้ยาพารา แก้แพ้ แก้เสมหะ อาการไม่ดีขึ้นเลยค่ะ หนักหัว ปวดหัวมาก กินข้าวไม่ได้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว โทรไปอีกวันต่อไป จะขอเอกซเรย์ปอดได้ไหมเพราะเจ็บหน้าอก จ่ายเงินก็ได้ ก็ยังไม่ได้ จนต้องไปซื้อยาฟาวิฯมากินเอง ตอนนี้คือดีขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่ได้กินยาฟาวิฯ และไปเอกซเรย์ปอดกับโรงพยาบาลเอกชนอื่นเรียบร้อยแล้ว นึกแล้วสงสารประชาชนคนไทยจริงๆค่ะ รวมทั้งสงสารตัวเองด้วย ป่วยโควิดหนักหนาขนาดไหนหมอก็ประเมินว่าไม่รุนแรง กลับบ้านได้ ยาฟาวิฯก็ไม่ยอมจ่ายให้ ต้องดิ้นรนรักษาตัวเอง ฯลฯ
ที่มาจาก เฟซบุ๊กเพจ เส้นด้าย - Zenda
...