ผ่อนคลายถอดหน้ากากวันแรก เช็กเงื่อนไข แบบไหน หรือใครยังจำเป็นต้องสวมอยู่ ขณะที่บางโรงเรียน เริ่มออกประกาศ ขอให้ยังคงสวมแมสก์ขณะอยู่ในห้องเรียน

วันที่ 24 มิ.ย.65 หลังจากที่ เว็บไซต์ราชกิจจาฯ เผยแพร่ข้อกำหนด ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 46) ตามคำแนะนำของ ศบค. หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

ซึ่งข้อกำหนดที่ออกมาทั้ง 7 ข้อนั้นมีดังนี้ 
1. การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ และยกเลิกการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
2. การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค
3. การผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักร
4. การผ่อนคลายมาตรการสำหรับการเคลื่อนย้ายและการเดินทางของแรงงานต่างด้าวทั่วราชอาณาจักร
5. แนวปฏิบัติสำหรับการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์
6. การผ่อนคลายมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่เฝ้าระวัง
7. มาตรการเฝ้าระวังเพื่อการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่เฝ้าระวัง

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.เป็นต้นไป ทำให้วันนี้ (24 มิ.ย.) ถือเป็นวันแรกที่ข้อกำหนดนี้ถูกบังคับใช้

ทั้งนี้ สำหรับเงื่อนไขการผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักรนั้น ระบุไว้ว่า ให้เป็นการปฏิบัติโดยสมัครใจ โดยขอให้พิจารณาประโยชน์ตามข้อมูลที่ฝ่ายสาธารณสุขรายงานว่า การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีเป็นประโยชน์ด้านสุขอนามัยในการป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อ ทั้งเชื้อโรคโควิดและโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ

โดยกระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) มีข้อแนะนำให้ประชาชนทั่วไป ดังนี้

...

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดีเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อหรือรับเชื้อ
  • กรณีเป็นผู้เข้าข่ายเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงหรือความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต (กลุ่ม 608) หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ
  • กรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิด-19 จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่โรค

นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งชี้แจง ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ความเข้าใจให้ประชาชนทุกภาคส่วนทราบถึงแนวการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรการสังคม ชุมชน และองค์กร เปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic เฝ้าระวังและกำกับติดตามสถานการณ์ รวมทั้งจัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังมีประกาศข้อกำหนดฉบับดังกล่าวออกมา พบว่าหลายสถานที่มีการออกประกาศเกี่ยวกับการขอความร่วมมือ ให้ยังสวมหน้ากากอนามัย อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ประกาศ ยังคงกำหนดให้มีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาการใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารส่วนรวม

นอกจากนี้ บางโรงเรียน ได้ออกประกาศขอความร่วมมือนักเรียน ให้ยังคงสวมหน้ากากอนามัย ขณะอยู่ในห้องเรียน ยกเว้นการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่ไม่ใช่การรวมกลุ่ม