• ความเชื่อผิดๆ สร้างได้ ก็เลิกเชื่อได้ เช็กข้อมูลให้ชัวร์ ก่อนส่งต่อทางโซเชียลให้คนใกล้ชิด
  • แพทย์กุมขมับ ฮิตกันนัก สารพัดสูตร รักษามะเร็ง กินแล้วดีขึ้น กินแล้วหายเป็นปลิดทิ้ง 

ถ้าพูดถึง “ความเชื่อ” ปฏิเสธไม่ได้ว่า อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว การกิน การรักษาโรค อะไรต่างๆ นานาเหล่านี้ เมื่อก่อนจะถูกถ่ายทอดส่งต่อกันแบบปากต่อปาก ไปจนถึงการเลี้ยงดู แต่ปัจจุบัน เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นเหมือนช่องการเดินทางคู่ขนานกับชีวิตเรา เราก็จะได้รับข่าวสารเหล่านี้ ผ่านทางสื่อโซเชียลต่างๆ บางคนเชื่อเป็นตุเป็นตะ พร้อมส่งต่อข้อความเหล่านั้น ไปยังคนใกล้ชิดอีกมากมาย ทำให้ข่าวสารกระจายไปไว

ซึ่งเราจะขอยกตัวอย่าง 10 ความเชื่อผิดๆ ที่ถูกส่งต่อกันทางโลกออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทัน จะได้ไม่หลงเชื่อ และส่งต่อข้อมูลผิดๆ นี้ไปยังคนใกล้ชิด

  • ส้มตำใส่เปลือกมะนาวทำให้เป็นมะเร็งไม่จริง

...

เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่า การรับประทานส้มตำที่ใส่เปลือกมะนาว จะทำให้เป็นมะเร็ง ทั้งนี้ มะนาว ถือเป็นผักสวนครัว และยังเป็นสมุนไพร ที่ส่วนใหญ่จะมีติดครัวเอาไว้ทุกบ้าน 

โดยมะนาว มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผลมะนาว นำมาดองเกลือ จนมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล ใช้เป็นยาขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ, เปลือกผล หรือผิวผล ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด แก้ลม วิงเวียน แก้ปวดท้อง จุกเสียด แน่นท้อง แก้เบื่ออาหาร และสามารถใช้เป็นยาขับเสมหะได้อีกด้วย, ผิวผลสดใช้ขยี้สูดดม ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นลม, น้ำมันระเหยง่ายจากผิวมะนาว ใช้แต่งกลิ่น ใช้เป็นยาขับลมในกระเพาะอาหาร และช่วยให้ เจริญอาหาร ส่วนน้ำมะนาว นำมาผสมกับเกลือ และน้ำตาล จิบเป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ เนื่องจากในน้ำมะนาวมีกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิก กรดแอสคอร์บิก ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะช่วยกระตุ้นการขับน้ำลาย ทำให้รู้สึกชุ่มคอมากขึ้น และรสเปรี้ยวยังช่วยกัดเสมหะให้หลุดออกมาด้วย

นอกจากนี้ ในตำรับ ยาหอมเทพจิตร มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน "เปลือกส้ม 8 ประการ" ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยมีสรรพคุณ คือ แก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน (คลื่นไส้) อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง

  • อย่าเชื่อ กินบอแรกซ์ รักษาได้สารพัดโรค

บอแรกซ์ เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าโซเดียมเตตระบอเรต หรือที่รู้จักกันในชื่อผงกรอบ หรือน้ำประสานทอง เป็นสารที่ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ทำแก้ว เพื่อให้ทนต่อความร้อน หรือใช้เป็นสารประสานในการเชื่อมทอง ใช้เป็นส่วนประกอบยาฆ่าแมลง ใช้ชุบและเคลือบโลหะ แต่พบว่ามีผู้ลักลอบนำมาผสมในอาหาร เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย

ดังนั้น บอแรกซ์ นับเป็นสารพิษร้ายแรงที่กฎหมายประกาศ ห้ามใส่ในอาหารทุกชนิด เพราะเป็นอันตรายกับทุกอวัยวะภายในร่างกาย โดยเฉพาะตับ ไต สมอง ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบย่อยอาหาร และผิวหนัง

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับ บอแรกซ์ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง หน้าบวม ตาบวม เยื่อตาอักเสบ และหากได้รับบอแรกซ์ ในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

อีกทั้ง ยังไม่พบงานวิจัย หรือมีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่า สารบอแรกซ์สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อีกด้วย

  • กินเบกกิ้งโซดา ช่วยให้หายจากไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่

"เบกกิ้งโซดา" หรือ "โซเดียมไบคาร์บอเนต" เป็นส่วนผสมหนึ่งในการทำเบเกอรี ไม่มีผลในการรักษาโรคใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม "โรคหวัด" นั้นสามารถหายได้เองใน 7-10 วัน การรักษาตัวเองเบื้องต้น ทำได้โดยการดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และอาจใช้ยาตามอาการที่ปรากฏ เช่น ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก หรือยาแก้ไอ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรค และรักษาต่อไป

  • น้ำยาทาเล็บ เอามาทาฟัน ช่วยให้ฟันขาว

แค่คิดก็สยองแล้ว อย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด เพราะในน้ำยาทาเล็บมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่หลายชนิด เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซิน ซึ่งหากสัมผัสกับผิวหนังอาจทำให้เกิดผื่นแพ้และคัน สูดดมเข้าไปในระยะสั้นจะสร้างความระคายเคืองในลําคอ และ โทลูอีน เมื่อสูดดมเข้าไปเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้รู้สึกมึนงง เวียนหัว ตาลาย หน้ามืด คลื่นไส้ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากๆ ก็อาจจะส่งผลให้ระบบการทำงานของประสาทผิดปกติ และสูญเสียความทรงจำได้ในที่สุด ซึ่งสารข้างต้นหากได้รับในปริมาณที่มากเกินอาจทำให้ก่อมะเร็งได้ 

นอกจากนี้ ยาทาเล็บ ถือเป็นเครื่องสำอาง สำหรับใช้ภายนอก เพื่อตกแต่งเล็บเท่านั้น อย่าได้หลงเชื่อเอาเข้าปาก เพราะจะทำให้สารเคมีที่เป็นอันตราย ตามที่กล่าวมาข้างต้น เข้าสู่ร่างกาย เสี่ยงเกิดอันตรายได้

  • กัญชาช่วยรักษามะเร็ง ไม่เป็นความจริง

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดกันว่า "กัญชา" ช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ แต่จริงๆ แล้วกัญชาไม่ได้รักษามะเร็ง แต่สารสกัดของกัญชานั้น ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็ง ทานอาหารได้มากขึ้น คลื่นไส้อาเจียนลดลง นอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น เท่านั้น 

  • ห้ะ!! ผู้ชาย ห้ามกินน้ำเต้าหู้ เพราะจะทำให้เบี่ยงเบนทางเพศ

คนเราจะเลือกเป็นเพศอะไร สวนทางกับเพศสภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ใช่ "น้ำเต้าหู้" 

โดยความเชื่อผิดๆ นี้ อ้างว่า การดื่มน้ำเต้าหู้ จะไปเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้ระดับเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น และทำให้มีปัญหาเบี่ยงเบนทางเพศ

ความเป็นจริงคือ มีรายงานหนูที่กินไฟโตเอสโตรเจนมากๆ ทำให้เป็นหมัน แต่ยังไม่เคยพบปัญหานี้ในมนุษย์ และลิง แต่บางงานวิจัยก็พบว่า ในน้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง จะมีสารไอโซฟลาโวน ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่สามารถลดอาการร้อนวูบวาบของหญิงวัยหมดประจำเดือนได้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ บางงานวิจัยพบว่า ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมได้

  • เกี่ยวกันยังไง ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม

พออ่านเจอว่า เป็นมะเร็งปุ๊บ ก็ขยาดไว้ก่อน ยอมมีกลิ่นตัว แต่ไม่ยอมเป็นมะเร็ง ทั้งนี้ "กลิ่นกาย" เกิดจากแบคทีเรียบนผิวหนัง ที่เจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีเหงื่อมาก และแบคทีเรียเหล่านี้ จะผลิตสารที่มีกลิ่นออกมา จึงเกิดเป็นกลิ่นกาย

ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย จึงมีสารที่ช่วยออกฤทธิ์ระงับกลิ่นกาย เช่น อะลูมิเนียมคลอโรไฮเดรต มีคุณสมบัติลดเหงื่อ โดยการอุดกั้นท่อต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลง และเพิ่มน้ำหอมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันได้ว่า สารเหล่านี้ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ แต่หากใครที่กังวล ก็อยากให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ได้มาตรฐาน มีการปิดซีลผลิตภัณฑ์แน่นหนา หากใช้แล้วมีอาการระคายเคือง คัน แสบ แดง ให้หยุดใช้ หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์

  • ความเชื่อที่ทำร้าย สายชานม กินเม็ดชานมไข่มุก เสี่ยงมะเร็ง

นับเป็นความเชื่อ ที่ทำร้าย ผู้ที่ชื่นชอบ "ชานมไข่มุก" มากๆ ทั้งนี้ "เม็ดไข่มุก" แบบออริจินัล ที่เราเห็นอยู่ในแก้วชานมนั้น ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ดังนั้น การกินไข่มุก เหมือนเรากินแป้งเข้าไปด้วยแค่นั้น 

แต่ที่มีการส่งต่อในโลกโซเชียล อ้างว่า ไข่มุกบางยี่ห้อนั้น มีสารสไตรีน (Styrene), อะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารอื่นที่จับอยู่กับธาตุโบรมีนซึ่งน่าจะเป็นสารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls: PCBs) ซึ่งสารกลุ่มนี้ทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันได้ว่า ไม่พบสารอันตรายในไข่มุก ที่จะทำให้เกิดมะเร็งแต่อย่างใด

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ การกินชานมไข่มุกในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้น้ำหนักขึ้น เกิดโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจได้ ดังนั้น ควรรับประทานแต่พอดี หรือนานๆ ครั้งเท่านั้น ควบคู่ไปกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายเป็นประจำ

  • สูตรน้ำมะนาว เสาวรส น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง รักษามะเร็งได้จริงดิ

อยากจะบอกว่า ไม่จริ๊ง... แบบเอาเสียงสูงเข้าสู้ เพราะการรักษาโรคมะเร็งนั้น ทำได้โดยการ ศัลยกรรม ผ่าตัดเอาก้อนมะเร็ง หรือต่อมน้ำเหลืองออก, รังสีรักษา คือ การฉายแสงบริเวณที่มีเซลล์มะเร็งอยู่, เคมีบำบัด, การรับประทาน หรือการฉีดยารักษาตรงเข้าทางหลอดเลือด (Targeted Therapy) เพื่อขัดขวาง หรือหยุดยั้งขบวนการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง, ใช้ฮอร์โมนรักษา เนื่องจากมะเร็งบางชนิดมีความไวต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน และรักษาโดยการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ให้กับร่างกายของผู้ป่วย เพื่อที่จะได้กำจัดเซลล์มะเร็งให้หมดไป

ซึ่งทั้งหมดนี้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของวิธีการรักษา ส่วนสูตรน้ำมะนาว กับการผสมที่ว่านี้ หากใครชอบเครื่องดื่ม เปรี้ยวๆ หวานๆ น่าจะถูกใจ แต่ไม่ได้ช่วยในการรักษาโรคใดๆ 

  • คนผมบาง เกือบเชื่อแล้ว น้ำมะกรูดแก้หัวล้าน

"ผมร่วง" เกิดได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น เกิดจากการใช้ยา ใช้สารเคมีบางชนิด การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา การทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติ เนื้องอก หรือเกิดจากการแกะ การเกาของแต่ละบุคคล

แล้วมะกรูด ช่วยรักษาผมร่วงได้จริงหรือ ความเชื่อนี้ อาจต่อยอดมาจากความจริงที่ว่า หากนำมะกรูดมาหมักผม จะช่วยให้เส้นผมเงางาม แต่ไม่ได้ช่วยแก้อาการหัวล้านแต่อย่างใด

ดังนั้น หากมีปัญหาผมหลุดร่วง แบบผิดปกติ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรไปปรึกษาแพทย์จะดีกว่า

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น ซึ่งความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ ยังมีอีกมากมาย ดังนั้น ก่อนที่จะแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้ใคร ควรเช็กก่อนทุกครั้ง ไม่อย่างนั้น ความหวังดี ก็เป็นเหมือนยาพิษดีๆ นี่เอง.

ข้อมูลอ้างอิง : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Theerapong Chaiyatep