"หมออรัณ" เผยเรื่องราวสุดประทับใจ ช่วยเป็นสะพานบุญให้ผู้ป่วย "มะเร็งรังไข่" วัย 24 ปี ตัดสินใจเข้ารับการรักษา หลังตัดใจเพราะไม่มีเงิน

วันที่ 11 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นพ. อรัณ ไตรตานนท์ กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าของแฟนเพจ "อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน" ได้โพสต์เรื่องราวประทับใจจากการรักษาคนไข้ โดยระบุว่า อำภา เป็นคนไข้มะเร็งรังไข่ อายุเพียง 24 ปี เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 แล้วไม่ได้เรียนต่อเพราะต้องช่วยแม่ทำงาน ส่วนแม่ของอำภารับจ้างทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเอกมัย หน้าที่คือช่วยเชฟประกอบอาหาร อาศัยครูพักลักจำ จึงมีความสามารถช่วยเชฟมือระดับเทพปรุงอาหารราคาแพง ที่เธอเองไม่เคยได้มีโอกาสชิม

ทั้งนี้ อำภาเริ่มมีอาการปวดประจำเดือนมาก แรกๆ กินยาแก้ปวดก็ดีขึ้น แต่พอเวลาผ่านไปอาการปวดก็รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ทนเอา หลายคนอาจจะสงสัย ทำไมไม่ไปหาหมอ จะทนทำไม คำตอบคือเพราะต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน การไปทำงานทุกวันยังแทบไม่พอจะกิน ถ้าหยุดงานไปหาหมอคงอดไปหลายมื้อ ใครจะอยากทุกข์ทรมาน

ขณะที่ เพื่อนสนิทของอำภาที่อยู่บ้านละแวกใกล้กัน แม้จะเรียนไม่สูงนัก แต่มีของราคาแพงใช้ มีนักธุรกิจหนุ่มขับรถมารับมาส่งบ่อยครั้ง จนวันหนึ่งได้รู้ความจริงว่าเพื่อนใช้เรือนร่างสตรีทำมาหากิน แต่ไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง จะมีคนโทรมานัดหมาย และก็มีผู้ชายมารับไปทำงาน จึงมาชวนอำภาหลายครั้ง จนสุดท้ายตัดสินใจไปทำงานกับเพื่อน ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเท่านั้น แม้บ่อยครั้งที่จะถูกผู้ชายลวนลาม ลูบๆ คลำๆ แต่ก็ต้องอดทนแล้วเดินห่างๆ เพื่อเงินยังไงก็ต้องทน

...

วันหนึ่งระหว่างทำงานเสิร์ฟ อำภาปวดท้องมาก จนหน้ามืดแล้วเป็นลม บอดี้การ์ดของร้านพาไปที่โรงพยาบาลทันที สรุปว่าคุณหมอตรวจอย่างละเอียด พบว่าคนไข้มีถุงน้ำรังไข่ขนาด 10 ซม. ที่รังไข่ด้านขวา ลักษณะดูจากอัลตราซาวนด์เหมือนจะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ค่ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน 2 แสนบาท ถ้าคนไข้พร้อม ทางโรงพยาบาลรักษาได้ทันที แน่นอนว่าในวันนั้น เธอขอกลับบ้าน แล้วได้ยาแก้ปวดมาทาน โชคดีที่เสี่ยเจ้าของร้านออกค่าใช้จ่ายให้ แล้วสั่งให้อำภาไปหาหมอโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ จะได้ไม่ต้องเสียเงิน หายแล้วค่อยมาทำงานต่อ

จากนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน อำภาเล่าให้แม่ฟัง แม่ตกใจมาก สองคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้ ขณะที่แม่ของอำภาเป็นมะเร็งเต้านม ไม่อยากให้แม่เครียด เดี๋ยวโรคมะเร็งจะกลับมา นั่นคงทำให้เธอยิ่งทุกข์ใจ หลายวันต่อมาเพื่อนรัก จูงมือแกมบังคับให้มาที่โรงพยาบาล เพื่อขอผ่าตัดโดยใช้สิทธิ์ที่มี แม้รู้แก่ใจว่าคงต้องรอนานเพราะคนเยอะ แต่ก็ทำใจมาแล้วส่วนหนึ่ง เมื่อผมตรวจดูโดยละเอียด จากอัลตราซาวนด์ พบถุงน้ำรังไข่ขนาด 10 ซม. ดูจากเงาแล้วน่าจะเป็น ช็อกโกแลตซีสต์ แต่ภายในถุงน้ำมีเงาดำๆ เหมือนจะมีก้อนแข็งๆ ในถุงน้ำอีกที อันนี้บ่งชี้ว่าเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่

สรุปว่า อำภาเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ ความจริงหมอมั่นใจว่าน่าจะเป็นมะเร็ง อาศัยจากประสบการณ์ที่เห็นภาพอัลตราซาวนด์มาหลายๆ เคส แต่ก็ไม่กล้าพูด จึงแอบชวนคุยว่า หลังผ่าตัดถ้าเป็นเนื้อดีก็จบ อย่างมากก็ทานยาคุมป้องกันไม่ให้ ช็อกโกแลตซีสต์มาอีก แต่ถ้าผลออกมาเป็นมะเร็งรังไข่ ก็จำเป็นต้องให้เคมีบำบัด คนไข้เข้าใจในแววตาทันทีแล้วพูดว่า "หมอคะ ถ้าหนูมีเงิน หนูจะไม่ตายใช่มั้ย" หมอตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วเธอก็ร้องไห้ โดยนัยน์ตาคู่นั้นไร้แววหมดหนทางพร้อมพูดต่อว่า "หมอคะ ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากันจริงๆ"

ขณะที่อำภาพูดถึงแต่แม่ จริงๆ เธอไม่ได้กลัวมีดหมอ ไม่กลัวเคมีบำบัด ยิ่งไปกว่านั้นชีวิตนี้เธอไม่กลัวตายเสียด้วย แต่เธอกลัวแม่จะลำบากหากเธอไม่อยู่ เมื่อหมอได้ฟังเรื่องราวของเธอก็อึ้ง ผู้หญิงอายุ 24 ทำงานหนักช่วยแม่ตั้งแต่จบ ม.6 แถมยังเจออะไรหนักๆ อีกมากที่เล่าไม่ได้

สรุปคนไข้ขอไม่รักษา อยากอยู่กับแม่ ใช้เวลาที่มีหาเงินเยอะๆ อย่างน้อยถ้าตายก่อนแม่จะได้มีกิน จะไปปรึกษาเพื่อนรับงานแบบที่เพื่อนทำ เพื่อรีบหาเงินก่อน ตอนนั้นหมอไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ดี จึงคุยการรักษาแล้วนัดคนไข้มาตรวจในอีกสัปดาห์

ช่วงบ่ายพักจากการตรวจคนไข้ ได้เดินกลับห้องพักแพทย์ด้วยความไม่โปร่งใสในใจ มีคนไข้ร้อยแปดปัญหาที่เจอในวันนี้ เปิดลิ้นชักโต๊ะในห้องทำงาน ค้นหาอะไรเรื่อยเปื่อยจนเจอถุงที่คนไข้ให้ไว้ พร้อมซองจดหมายสีขาวซุกอยู่ในถุงกระดาษ เมื่อเปิดออกดูพบแบงก์พันจำนวน 10,000 บาท ซึ่งจำคนที่ให้ถุงนี้ได้ เพราะเพิ่งเจอกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือคุณหญิงท่านหนึ่ง มาตรวจด้วยมะเร็งระยะสุดท้าย รักษากันมาหลายปี ให้เคมีบำบัดจบแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามผลเลือดว่ามะเร็งจะกลับมาไหม

ย้อนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คุณหญิงเล่าว่าไปเดินเล่นกับลูกสาว บังเอิญเจอร้านกระเป๋าผู้ชายก็เลยซื้อมาฝาก จึงรับมาเพื่อไม่เสียมารยาทกับคุณหญิง ก่อนกลับคุณหญิงบอกว่า "ของในถุง พี่ฝากไว้กับอาจารย์นะคะ หากเห็นสมควรว่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์อะไร แล้วแต่อาจารย์พิจารณาได้เลย ขออนุโมทนาด้วย" ตอนนั้นก็ งง ว่ากระเป๋าจะเอาไปทำประโยชน์กับใครได้ วันนั้นยอมรับว่ายุ่งมาก ไม่ได้สนใจถุงใบนั้นเลย จนวันนี้ได้เห็นว่ามีเงินสดซุกมาให้ แต่ก็สบายใจที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะรับมาแบบไม่รู้จริงๆ

กระทั่งสัปดาห์ต่อมา หมอได้เจออำภาเลยบอกว่า มีคนไข้มะเร็งท่านหนึ่ง เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอเล่าเคสของอำภาให้เขาฟัง เลยอยากให้กำลังใจ เพราะเขารวยมาก โดยหมอโกหกว่าบินกลับต่างประเทศไปแล้ว จากนั้นอำภากับแม่ของเธอลงไปกองกับพื้นในทันทีที่เปิดถุงแล้วพบสิ่งที่อยู่ภายใน หมอเกือบน้ำตาไหลกับภาพที่ได้เห็น คนไข้บอกว่าเงินนี้จะเอาไว้ให้แม่ใช้ช่วงที่เธอหยุดงาน จะรีบรักษา รีบหาย และจะขอไปกราบเท้าเขาที่เมตตา จะขอเรียกเขาว่าแม่อีกคนเลย

สุดท้าย มั่นใจว่าบุญกุศลที่คุณหญิงได้ทำ โดยมีหมออรัณเป็นสะพานบุญในครั้งนี้ กุศลผลบุญแห่งความเกื้อกูล จะอำนวยพรให้คุณหญิงสุขภาพแจ๋ว แจ่มใสได้อีกนานแสนนาน โดยเรื่องราวนี้ผ่านมาสามปีแล้ว คุณหญิงก็ยังสบายดี มะเร็งระยะสุดท้ายทำอะไรเธอไม่ได้ ส่วนอำภาก็เป็นมะเร็งรังไข่จริงๆ เป็นชนิดเคลียร์เซลล์ระยะที่ 1 ผ่าตัดแล้วก็ให้เคมีต่อเนื่อง จบการรักษาแล้ว ตอนนี้สบายดี.


ขอบคุณเฟซบุ๊ก อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน