“พระบิดา” ยังล่องหน หลังศาลให้ประกันตัวเผ่นไปกบดานกับลูกศิษย์ ญาติ อุบเงียบไม่เปิดปากไปซ่อนตัวที่ไหน ด้าน เหล่าสาวกวงแตกเก็บข้าวของแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เจ้าหน้าที่ลุยรื้อเพิงพักสิ่งปลูกสร้างสำนักเพี้ยน ผงะเจอน้ำโสโครกหมักซากสัตว์ใส่ไว้ในโอ่ง ผู้ศรัทธาบอกเป็นน้ำอมฤต ใช้รักษาได้สารพัดโรค “สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ” บังคับใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุข ประกาศให้เป็นพื้นที่เขตรำคาญ ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เด็ดขาด “บิ๊กตู่” จวกกลาง ครม. ปล่อยให้เกิดเรื่อง ชวนแหวะเช่นนี้ได้อย่างไร
กรณีนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา นำสื่อมวลชนบุกเพิงพักในป่าชุมชนบ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ที่อุปโลกน์เป็น “สำนักปฏิบัติธรรมอาศรมฤาษี” มีนายทวีหนันลา อายุ 74 ปี หรือฤาษีโจเซฟ เป็นเจ้าสำนัก มีนามว่า “พระเมตไตรยะ” สาวกเรียกว่า “พระบิดา” รักษาโรคด้วยวิธีชวนสะอิดสะเอียน ให้สาวกราว 30 คน ดื่มกินน้ำผสมอึ ฉี่ ขี้ไคล น้ำลาย เสมหะ และสมุนไพรหมักใส่โอ่ง อ้างเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาได้สารพัดโรค อีกทั้งยังให้เก็บศพสาวกไว้ในอาศรมถึง 11 ศพ เพื่อรอเวลาขึ้นสวรรค์ ต่อมา ผวจ.ชัยภูมิ สั่งการให้รื้อถอนทำลายเพิงพัก และให้ตำรวจดำเนินคดีนายทวี 4 ข้อหา ส่งตัวขึ้นศาลจังหวัดภูเขียว มีญาติยื่นเงินสด 5 หมื่นบาท ประกันตัวออกไป
...
ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสังเกตการณ์บริเวณป่าชุมชนบ้านกุดแคน ที่ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมอาศรมฤาษี หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พบเจ้าหน้าที่ อส. เจ้าหน้าที่ อสม. ฝ่ายปกครองทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. ตั้งด่านตรวจค้นอยู่ปากทางเข้า-ออก คัดกรองผู้จะผ่านเข้าไปในพื้นที่อย่างละเอียด จากการสังเกตพบว่าในสำนักดังกล่าว ปลูกสร้างเพิงพัก กระท่อม คอกเลี้ยงวัว และคอกเลี้ยงกวาง ปลูกพืชผักสวนครัวไว้รอบบริเวณ จากการตรวจสอบโอ่งหมักน้ำสีดำกว่า 10 ใบ ที่ตั้งเรียงรายไว้ข้างอาศรมฤาษีโจเซฟ น้ำดังกล่าว ผู้ศรัทธาเลื่อมใสอ้างว่าเป็นน้ำอมฤต หากใครเจ็บป่วยจะมากินน้ำในโอ่งดังกล่าว สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด เมื่อคว่ำโอ่งเทน้ำออกมาพบมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง ภายในโอ่งพบสิ่งปฏิกูลและซากสัตว์ ลักษณะคล้ายซากเลียงผา เจ้าหน้าที่ได้เก็บซากส่งไปตรวจพิสูจน์ เพราะหากเป็นซากเลียงผาจริง จะต้องดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากเลียงผาเป็นสัตว์สงวน
จากการตรวจสอบยังพบขนมขบเคี้ยว ข้าวเกรียบ ปลาร้า และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เหล่าสาวกทำออกขาย ปรากฏว่า เป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน สกปรก โดยเฉพาะ ปลาร้า มีหนอนไต่ยั้วเยี้ย ขณะที่บรรดาสาวกผู้เลื่อมใสในลัทธิประหลาด ได้เร่งเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เดินทางออกจากสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวไปหมดแล้ว ประกอบกับมีชาวบ้านในพื้นที่นำป้ายต่อต้านมาแขวนไว้ตามต้นไม้บริเวณทางเข้า ระบุชัดเจนไม่เอา ลัทธิเพี้ยนดังกล่าว ขณะเดียวกันนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ เตรียมลงพื้นที่เพื่ออำนวยการรื้อถอนเพิงพัก และสั่งปิดสำนักเพี้ยน คืนพื้นที่สาธารณะกลับมาให้ ชาวบ้านในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ในส่วนของพื้นที่ตั้งสำนักประหลาดเมื่อเคลื่อนย้ายศพไปแล้ว แต่พื้นที่ตรงนั้นอาจจะมีพวกสิ่งโสโครกอยู่ทำให้พื้นที่ไม่ปลอดภัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ จะร่วมกับ อบต.ดงกลาง บังคับใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 ประกาศให้เป็นพื้นที่เขตรำคาญไม่ให้เข้าไปในพื้นที่จนกว่าจะดำเนินการระงับเหตุรำคาญ หรือว่าทำความสะอาดอะไรในพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้ชาวบ้านรอบๆพื้นที่เกิดความสบายใจ เบื้องต้นได้ห้ามทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่อีกต้องถูกจับกุมทั้งหมด ขณะนี้จะให้หน่วยงานสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ทั้ง 16 อำเภอ เข้าตรวจสอบค้นหาว่ามีการกระทำลักษณะเช่นนี้อีกหรือไม่ หากพบจะต้องถูกดำเนินคดีจับกุมทันที ส่วนในพื้นที่ ต.ดงกลาง ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ประมาณ 100 คน ไม่ใช่คนในพื้นที่เชื่อว่าคงไม่เข้าไปใช้พื้นที่อีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 154 บ้านหนองแวง หมู่ 7 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พบกับนายบุญตัน หนันลา อายุ 77 และนายทองทิพย์ หนันลา อายุ 62 ปี พี่ชายและน้องชายของนายทวี หนันลา อายุ 74 ปี หรือฤาษีโจเซฟ ที่อ้างเป็นพระบิดาทุกศาสนาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมอาศรมฤาษีในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ที่เพิ่งถูกทางราชการบุกเข้าจับกุม
นายทองทิพย์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวพี่ชาย ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ไม่ทราบว่าพี่ชายไปไหนหรือไปอยู่กับลูกศิษย์คนไหนหรือไม่ เพราะพี่ชายมีลูกศิษย์ลูกหาที่มีฐานะชื่อเสียงหลายคน เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชน เลยแยกย้ายกันทันที และยังไม่ได้พูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป รอให้ทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ เบื้องต้นจะพูดคุยกันเรื่องการรับศพแม่กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาก่อน ในส่วนของข่าวที่ออกไปนั้นเกินจริงหลายเรื่อง ไม่ได้กินอุจจาระ กินน้ำเหลืองศพ หรือกินเสลด พากันคิดไปเอง แต่ดื่มปัสสาวะและกินขี้ไคลจริง และไม่ได้บังคับใคร ส่วนตัวไม่เชื่อว่ารักษาโรคได้ ตนยึดหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า การดื่มฉี่หรือกินขี้ไคลเป็นเรื่องความเชื่อของลูกศิษย์
“อยากฝากถึงหมอปลาว่า หยุดสร้างความแตกแยกในสังคม ที่ผ่านมาเห็นมีแต่ใช้หลักความรุนแรง ไม่ใช้หลักประนีประนอม ทำไมไม่เข้ามาพูดคุยกันดีๆ ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ชอบยั่วยุให้คนมีอารมณ์ขาดสติ เอาอารมณ์จากการยั่วยุนี้ไปเป็นข่าว และถ้าจมูกดีก็ไปหาพี่ชายให้เจอ ในส่วนที่สาวกเรียกพี่ชายว่าพระบิดา เนื่องจากในสำนักปฏิบัติธรรมมีผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน คนอีสานจะเรียกผู้เฒ่าผู้แก่ว่าพ่อ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเรียกใคร ในสำนักได้ประชุมกันและมีมติให้เรียกพี่ชายว่าพระบิดาแทนคำว่าพ่อเท่านั้น” นายทองทิพย์กล่าว
น้องชายฤาษีโจเซฟกล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องศพแม่ของตนทราบพร้อมกับทุกคน เพราะอาการของแม่โคม่าแล้วเนื่องจากอายุมาก ทำได้เพียงดูใจ ก่อนที่แม่จะสิ้นใจและได้ประกอบพิธีรำลึก 3 วัน มีลูกศิษย์ที่รักแม่เดินทางมาจากทั่วสารทิศจำนวน 95 คน เท่าอายุของแม่ทั้ง 3 วัน พูดคุยกันว่าจะนำศพแม่กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาภายหลัง ในเรื่องนี้พูดคุยกันในครอบครัวแล้ว เนื่องจากกลัวเรื่องการเคลื่อนย้ายศพที่ยากลำบาก และเป็นโลงแก้ว ขอไว้ค่อยทำพิธีฌาปนกิจทีหลัง เลยใช้วิธีเจาะโลงระบายน้ำเหลืองออกเพื่อไม่ให้เกิดความชื้นจนทำให้ศพเน่า แต่ไม่ได้เอามากิน น้ำเหลืองที่รองเอาไว้ เอาไปทิ้งและขุดหลุมฝัง
ด้านนายบุญตัน หนันลา อายุ 77 ปี พี่ชายฤาษีโจเซฟ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่นายทองทิพย์ น้องชายคนเล็กเดินทางไปประกันตัวฤาษี และศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวไปแล้ว แต่ฤาษีโจเซฟไม่ได้เดินทางกลับมาบ้านด้วยกัน จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบว่าไปที่ไหนหรือไปกับใคร เพราะไม่ได้พูดคุยกันเลย ส่วนตัวไม่ได้เป็นห่วงน้อง เนื่องจากเชื่อว่ามีลูกศิษย์ลูกหาหลายคนที่ต้องการรับตัวไปดูแล อาจจะเป็น จ.อุดรธานี หรือ จ.มหาสารคาม เชื่อว่าน้องชายจะได้รับการดูแลอย่างดี ส่วนที่ดิน 16 ไร่เป็นที่ดินมรดกที่พ่อแม่แบ่งให้พี่น้อง 4 คน และหลังจากฤาษีโจเซฟเข้าสู่ทางธรรมได้ยกที่ดินดังกล่าวให้นายทองทิพย์น้องคนสุดท้องไป นายทองทิพย์ได้ให้ชาวบ้านในพื้นที่เช่าปลูกอ้อยสร้างรายได้ ส่วนอนาคตจะทำอะไรขึ้นอยู่กับน้องชาย
“ส่วนเรื่องการย้ายศพแม่ต้องพูดคุยกับญาติๆทั้งหมดก่อน เบื้องต้นตั้งใจให้เรื่องนี้ซาลงไป และนักข่าวเลิกติดตามก่อน จะรู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร ไม่อยากจะให้ผิดใจกันระหว่างญาติพี่น้อง เพราะเรื่องการจะนำศพแม่มาทำพิธีทางศาสนาเป็นสิ่งที่ต้องทำแน่นอน ตั้งใจจะทำมานานแล้ว แต่สภาพศพตอนนี้อาจจะยังเคลื่อนย้ายไม่ได้ ไม่อยากให้มีภาพหลุด หรืออาจจะส่งกลิ่นออกไป ตอนนี้มองๆเอาไว้ว่าสถานที่ที่จะนำแม่มาฌาปนกิจ อาจเป็นวัดในหมู่บ้านโนนสะอาด หรือวัดใกล้บ้านก็เป็นได้” นายบุญตันกล่าว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรีช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้พูดถึงลัทธิประหลาดที่ จ.ชัยภูมิ ว่า “ผมไม่เข้าใจพวกพระบิดาอะไรเนี่ย ที่เอาอะไรไปให้กินกัน ทั้งน้ำเน่า ทั้งอะไรต่ออะไร ทุเรศ ทำไปได้อย่างไร สร้างความเสียหาย ไม่เข้าใจว่าทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ ทำไมถึงยังมีคนเชื่ออยู่” ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ได้กล่าวติดตลกถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ชาวบ้านเรียกพระบิดา แต่ศรีธัญญาเรียกว่าคนไข้” ทำให้ ครม.ต่างพากันหัวเราะชอบใจ