หนุ่มแชร์ประสบการณ์รักษาโควิด-19 แบบ Home Isolation หลังตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด ตั้งแต่การประเมินจนรักษาหาย

วันที่ 3 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กหนุ่มรายหนึ่งได้โพสต์รีวิวประสบการณ์รักษาโควิด-19 แบบ Home Isolation หรือการรักษาตัวเองจากที่บ้าน ซึ่งขณะนี้รักษาหายแล้ว โดยโพสต์ข้อความว่า ตนเองอายุ 33 ปี ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม AZ+AZ+ไฟเซอร์ ที่บ้าน มีห้องนอนเดี่ยวแยก มีห้องน้ำติดห้องนอน มีคนแก่ 2 คน อายุเกิน 60 ปี คือพ่อและแม่ แต่ทั้ง 2 ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม แบบเราแล้ว

เริ่มเหตุการณ์ ตอนนั้นตรวจ ATK เช้าขึ้น 1 ขีดไม่ตกใจ เย็นตรวจเจอขึ้น 2 ขีด ตกใจมาก ทำซ้ำหลายซ้ำก็ 2 ขีด ไปตรวจ RT-PCR เอาชัวร์ (ซึ่งถ้าเลือกได้และไม่ตกใจเกินไปจะไม่ไปตรวจเพราะเราเสี่ยงแล้ว) สิ่งที่ทำเพราะความตกใจและกลัวเบาๆ คือหา Hospitel วิตกคิดไปหมด จะตายไหม

สเตปที่เห็นเมื่อคนอื่นติดแล้วทำกัน และเราก็คิดว่าจะทำตามคือ ATK 2 ขีด ไปรอ RT-PCR อีกวันสองวัน ผลออก ตามล่าหา Hospitel กว่าจะได้ Hospitel กว่าจะได้ยาฟาวิพิราเวียร์ จากผล ATK 2 ขีด เกือบ 4-5 วัน บางคนนานกว่านั้น อาการแย่ไปและรอ รอ รอ อย่างไม่มีความหวัง

พอได้สติ ทำไมต้องไป Hospitel (และก็เต็มหลายที่ด้วย) ประเมินอาการตัวเอง แค่เจ็บคอเบาๆ ไอยังไม่มีไข้ยังไม่มี เพื่อนที่ติดแล้วก็บอกว่า ถ้าย้อนกลับไปได้ก็จะ Home isolation เพราะสบายกว่า และอยู่บ้านของเรา จึงศึกษา ประเมิน

ช่วงประเมินตัวเองว่าจะ Home Isolation ดีไหม

1. มีพ่อมีแม่อายุเกิน 60 อยู่เชื้อจะไปติดเขาไหม แต่ย้อนไป 5 วัน คือ ทำงานดึกกลับบ้านขึ้นห้องเลย ไม่ได้กินข้าวบ้านหลายวันหน้าพ่อแม่ก็ไม่ได้เจอ พ่อแม่ ไม่น่าติดจากเราแล้วแน่นอน

...

2. อาการคือวันแรกๆ เบามาก แค่เจ็บคอ ไอนานๆ ที ..โอเครตัดสินใจ Home Isolation โทร 1330 กด 14 ลงทะเบียน ตอนนั้นไม่รอผล RT-PCR ด้วย ใช้แค่ ATK 2 ขีด ก็ลงทะเบียนได้เลย และรอจับคู่ศูนย์แพทย์ หรืออนามัย หรือ รพ ใกล้บ้าน โทรมา

ขั้นตอน Home Isolation มีข้อดีอย่างไร

เมื่อเราโทร 1330 ลงทะเบียนแล้ว และแล้ว ศูนย์อนามัยแถวดอนเมืองก็โทรมาถามอาการ พอดีมีที่วัดไข้ วัดออกซิเจนปลายนิ้วที่บ้านก็วัดไป

ดีที่หนึ่ง : วันรุ่งขึ้น (ย้ำวันรุ่งขึ้น) มีเจ้าหน้าที่มาส่งยาฟาวิพิราเวียร์+ยาตามอาการเลยหน้าบ้านพวกพาราแก้ไอ ละลายเสมหะหาซื้อได้ตามเภสัช (ได้รับยาฟาวิพร้อมกับเพื่อนที่ติดก่อนหน้า 2 วัน แต่เลือกไป Hospitel คือเพื่อนเจอ 2 ขีด กว่าจะได้ยา คือ 4-5วัน ส่วนตน 2 ขีดได้ยาวันที่ 2 เลย) และเมื่อได้ยามาปุ๊ปเขาจะให้เราโทรหาเภสัชกร เขาจะอธิบายยาทุกตัว สำคัญคือยาฟาวิพิราเวียร์ว่าต้องกินไง ห้ามกินกับฟ้าทะลายโจรนะ ยาตามอาการ และข้อห้ามต่างๆ เราสงสัยไรโทรหาเภสัชได้ตลอด (คือดีๆๆ)

อาการเราหนัก ๆ มีแค่วันเดียวคือวันที่ 2 จาก ATK ไข้ขึ้น นอนซมวันนึง แต่หลังจากนั้น ปกติ ถึงปกติมากกกก มีน้ำมูกเล็กๆ ไอน้อยๆ เคยอ่านเจอว่าการได้ยาฟาวิต้องได้รับเร็วที่สุดและทันที ถึงจะดี หากพ้นเกิน 5วันไปแล้วไม่ควรได้แล้ว ถ้าโชคดีอาการไม่หนักก็หายจากยาปกติ แต่ถ้าลงปอดเรื่องจะยาวเลย ดังนั้นการรอ hospitel หรือผล Rt pcr มันจึงยิ่งทำให้เราได้รับยาช้าไป

ดีที่สอง : นอกจากยา เขาจะให้ปรอทวัดไข้ ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้วมาเลย ฟรี ยาแยกมาเป็นวันๆ มีข้อห้ามอะไร มีกระดาษอธิบาย เรามีแค่บอกคนในบ้านว่าห้ามมาใช้ห้องน้ำที่เราใช้ เด็ดขาด ที่เหลือคืออยู่ในห้องตลอด (ไม่เจอหน้าแม่มาจะครึ่งเดือน ทั้งๆ ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน)

ดีที่สาม : มีอาหารมาส่งทุกวัน 10 วัน วันละ 3 มื้อ มีข้าว กับข้าว ซุป ผลไม้ต่าง นมตามภาพ อาหารใช้ได้นะ โอเครเลย ตามภาพ

ดีที่สี่ : พยาบาลเขาจะตามเราทุกวันให้เราวัดไข้นะ วัดออกซิเจนปลายนิ้วนะ ถามอาการที่ผิดไปนะ

ดีที่ห้า : อยู่บ้านอะสบาย ทำงานได้ คอมเรา นอนเตียงเราสบาย เปิดเพลงเล่นเกม ดูซีรีส์ ถ้าอยู่ Hospitel คืออยู่รวม ทำไรก็ลำบาก หมอนไม่คุ้น เตียงไม่ใช่ก็นอนไม่หลับละฉัน และเราก็ให้คนในบ้าน ATK 3 วันครั้ง ก็ไม่เป็นอะไรกันเพราะเรา social distance ใส่แมส ไม่ใช้ของร่วมกับคนในบ้าน

จากเหตุการณ์เราก็บอกครูใน รร. เลยว่าประเมินอาการและเงื่อนไขต่างๆก่อน อย่าตกใจไปไม่ต้องไป Hospitel ก็ได้ Home Isolation ก็ได้ จนมีคนหายไปพร้อมกับเราแล้ว 3 คน จาก Home Isolation เย้ๆๆๆๆๆ

Home isolate ที่เราเข้าใจคือ เราจะโดนทิ้งขว้างไหมว่ะ เขาจะรักษาให้ยาเราไหม และคนในบ้านจะยังไง รัฐไม่เคยให้ข้อมูลมากพอและรณรงค์มากพอ ฉันเองยังเข้าใจต่างๆนานผิดไปหมด

และสุดท้ายก็หาย ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ เราเข้าใจและว่าทำไมเมื่องนอกรัฐ เขาถึงให้ประชาชน Home iso. ถ้าเป็นโอมิครอน รัฐเราไม่เคยทำให้เราเข้าใจและให้ความรู้มากพอเรื่อง Home isolation ไม่รณรงค์มากพอ เอะอะ 2 ขีดไป รพ. ก็เต็มก็ล้น ทั้งที่อาการไม่ได้เจ็บป่วยมากมาย

แต่ถ้าเรามีความรู้มากพอ มากพอที่จะประเมินตนเองได้ Hospitel รพ.ต่างๆ จะมีไว้เพื่อคนที่หนักจริงๆ ต้องใกล้หมอ ออกซิเจนต่ำหรือลงปอด หรือมีเงื่อนไขที่ Home Isolation ไม่ได้ และเราก็เห็นว่า รัฐควรส่งเสริมสาธารณสุขชุมชนมากกว่านี้ ทั้งงบประมาณและการจัดการ (นี้หายมาได้เพราะอนามัยแถวบ้านซึ่งไม่เคยรู้เลยว่าอยู่ตรงไหน) ไม่ใช่แค่มีแต่ รพ. อย่างเดียว แต่ต้องกระจายเรื่องราวต่างๆ ไปยังอนามัย ศูนย์แพทย์ชุมชน การรักษาจะทั่วถึงและเป็นระบบ รพ.หมอจะได้รักษาเฉพาะคนที่หนักจริงๆ และมีเงื่อนไขต่างๆ จริงๆ และสติ สติจริงๆ ค่อยประเมินค่อยคิดกับเรื่องราวต่างๆมากขึ้น อย่าไหลไปตามกระแส หรือตามที่ใครบอก เราต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะและประเมินตัวเองให้ได้

ขอขอบคุณ ศูนย์อนามัย60 ดอนเมือง ดูแลดีมาก และเขาก็คงงานหนักจริงๆ และขอขอบคุณสติ ความรู้ในตัวเองที่ประเมินและทำให้รอดเหตุการณ์นี้มาได้ ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอให้ทุกคน 2 ขีดปุ้ปอย่าเพิ่งตกใจ ตั้งสติก่อน ประเมินตัวเองและลองดูเงื่อนไขของเราและเลือกให้เหมาะสม ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัย.