ความคิดเห็นจาก นักวิชาการด้านอาชญาวิทยา คดี "แตงโม นิดา" เผยธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อนยิ่งสนิทกันยิ่งห่วงกันมาก 

วันที่ 1 มี.ค. 65 รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้เรียกมาเพื่อขอความเห็นทางวิชาการในคดี แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่เสียชีวิตจากพลัดตกเรือ ขณะนี้ทราบว่าทางตำรวจทำงานหนัก อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่างๆ

เมื่อถามว่าการนั่งปัสสาวะในท่านั้นแล้วล้มหงายไปเป็นไปได้หรือไม่ โดยทั่วไปอาจจะมีความเป็นไปได้ แต่ในคดีนี้อาจจะต้องมาดูอีกครั้งว่า เรือกำลังแล่นอยู่ตามที่มีพยานให้การแล้ว แตงโม ไปนั่งจุดนั้นมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดตามที่หลายคนตั้งคำถามว่า มีการปัสสาวะจริงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบสำนวน ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์หากเรือมีความเร็ว ยิ่งมีความเร็วสูงแล้วหักกะทันหัน แน่นอนว่าจะทำให้คนที่นั่งลักษณะตามที่มีการกล่าวอ้างตกลงในแม่น้ำได้

เมื่อถามถึงคำให้การของคนที่อยู่บนเรือ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ กล่าวว่า ตามหลักสากลเมื่อเกิดเหตุจะต้องคงสภาพสถานที่เกิดเหตุให้ได้มากที่สุดเพราะจะปรากฏหลักฐานต่างๆ เช่น ลายนิ้วมือแฝง คราบปัสสาวะ ผู้เชี่ยวชาญอาจจะสกัดดีเอ็นเอจากปัสสาวะว่า แตงโม ปัสสาวะจริงหรือไม่

ในกรณีที่ 5 คนบนเรือหายไปจากที่เกิดเหตุ หลักทั่วไปถ้าเราไปกับเพื่อนแล้วปรากฏว่า เพื่อนจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา แล้วมีคนเห็นจะต้องช่วยเหลือ หากช่วยไม่ได้ก็ต้องพยายามหาคนไปช่วย พยายามทุกวิถีทางในการช่วยเหลือ ต้องยอมรับว่ามีความแตกต่างจากหลักทั่วไป แต่ละคนจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่จะไม่สามารถหักล้างหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญได้

...

เมื่อถามว่า การแสดงออกลักษณะนี้จะแสดงว่า ทุกคนอาจจะแสดงให้เห็นว่าไม่สนิทกันหรือไม่ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว คนเราคบหากันมีความสนิทสนมยาวนานก็จะทำให้คนมีความใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้น หมายความว่า ยิ่งเรามีความใกล้ชิดผูกพันกับเพื่อนมากขึ้น เราก็จะยิ่งต้องเป็นห่วงเพื่อนมาก นี่คือหลักธรรมชาติของมนุษย์

ยกตัวอย่าง ถ้าเรานั่งเรือโดยสารแล้วเรือกำลังจอดเทียบท่า ปรากฏว่ามีคนก้าวพลาดตกน้ำ เราอาจจะตะโกนขอช่วยเหลือ มีคนมาช่วย เราอาจจะติดตามสอบถามภายหลัง อาจจะเป็นไปได้เพราะเราไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ในทางกลับกัน ถ้าเรานั่งเรือ 6 คนแล้วมีคนที่เราใกล้ชิด รู้จักกันมานาน แล้วมีคนในเรือตกน้ำแล้วเราจะบอกว่า เราช่วยแจ้งแล้ว ตามหาไม่เจอก็แยกย้ายกันกลับไป นี่คือข้อสังเกตที่สังคมต้องตั้งคำถาม

โดยหลักคนที่เป็นเพื่อนกันจะมีความเอาใจใส่ดูแลกัน แต่ในกรณีนี้อาจจะมีความแตกต่างตามที่กล่าวไป ส่วนที่ถามว่าเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นไหม อาจจะเป็นกรณีเพื่อนทำความผิดแล้วเวลาหนีตำรวจก็หนีไปด้วยกัน

เมื่อถามถึงการแสดงออกของ กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการส่วนตัวของ แตงโม นิดา ขอขมาคุณแม่ของแตงโม ในกรณีนี้ ถ้าเรามีเจตนาขอขมา ก็ต้องยอมรับว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น ต้องน้อมรับในสิ่งที่คนรับขมามีปฏิกิริยากลับมาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งคนขอขมาจะแสดงออกอย่างไรขึ้นอยู่กับความอดทนของแต่ละคน

ส่วนกรณีที่ผู้อยู่บนเรือหายไปหลังเกิดเหตุนั้น ต้องยอมรับว่า ในช่วงแรกหลังเกิดเหตุ คนที่อยู่บนเรือทั้งหมดหลังจากมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กู้ภัยแล้ว คำถามคือหลังจากนั้นทำไมถึงหายไปเกือบ 24 ชม. มีความเป็นไปได้ไหมที่จะโทรหากัน กรณีนี้มีความเป็นไปได้ แต่จะมีการตกลงพูดคุยกันอย่างไร เป็นหน้าที่ของตำรวจ