รองผู้ว่ากาญจน์ สั่งเจ้าของที่ดินถมสูงรื้อกำแพงภายใน 15 วัน ชี้ไม่มีการอนุญาตให้สร้างแนวกำแพงกันดิน ด้านชาวบ้านหลั่งน้ำตาหลังสู้มานานนับปี พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ
จากกรณี ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้าน มีการถมดินสูงพร้อมสร้างรั้วขึ้นมาจนสูงมิดหลังคาของชาวบ้าน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 พ.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้ ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขอให้สื่อมวลชนออกจากห้องเพื่อทำการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นเวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนที่ในเวลา 16.45 น. จะเรียกผู้แทนชาวบ้านและสื่อมวลชนเข้ารับฟังข้อสรุป
ทางด้าน ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้แถลงผลสรุปว่า จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวดำเนินการถมดินโดยไม่ได้รับอนุญาต และทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้มีการทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินหยุดการถมดิน และขอให้เจ้าของที่ดินมาทำหนังสือขออนุญาตให้ถูกต้องเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563 และทางเจ้าของที่ดินได้เข้ามายื่นหนังสือขออนุญาตอีกครั้งในวันที่ 19 ส.ค. 2563
...
กระทั่งเทศบาลได้มีการออกหนังสืออนุญาตให้มีการถมดินในวันที่ 28 ส.ค. 2563 โดยมีระยะเวลาการดำเนินการได้จนถึงวันที่ 24 ก.พ. 2564 โดยเมื่อสิ้นสุดการอนุญาต เจ้าของที่ดินต้องมายื่นขอต่อใบอนุญาตถมดินกับทางเทศบาล แต่ทางเทศบาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีข้อร้องเรียนจากทางชาวบ้านจึงไม่อนุญาตต่อใบอนุญาตให้กับเจ้าของที่ดิน ทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบภายในที่ดินแปลงดังกล่าว พบว่าในการถมดินไม่ได้มีการวางระบบการระบายน้ำตามข้อกำหนด
ทั้งนี้ ในส่วนของการก่อสร้าง แนวกำแพงกันดินและรั้วที่อยู่บนแนวกำแพงกันดินซึ่งสูงจนมิดหลังคาของชาวบ้านนั้น เมื่อตรวจสอบเอกสารการขออนุญาต พบว่าทางเทศบาลมีการอนุญาตการก่อสร้างแนวรั้วจริง แต่ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการสร้างแนวกำแพงกันดิน ดังนั้นจึงถือว่ารั้วดังกล่าวสร้างอยู่บนสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีฐานราก อาจทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่อยู่ข้างเคียงได้
ดังนั้น ทางจังหวัดกาญจนบุรีจึงมีคำสั่งให้ทางเทศบาลตำบลลาดหญ้า แจ้งกับเจ้าของที่ดินให้มีการรื้อถอนแนวรั้วบนกำแพงกันดินออกให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 15 วัน และให้เจ้าของที่ดินดำเนินการขุดดินออกจากแนวรั้วทั้ง 3 ด้าน ด้านละ 4.50 เมตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตรวจสอบความแข็งแรงของแนวรั้วกำแพงกันดินดังกล่าว โดยให้ดำเนินการขุดดินออกจากแนวกำแพงกันดินให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 15 วัน หากไม่ดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว ก็จะได้มีการบังคับใช้กฎหมายในขั้นสูงต่อไป
ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนของประชาชน อันเป็นผลมาจากการถมดินดังกล่าว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลลาดหญ้า ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับบ้านเรือนของประชาชน ไปดำเนินการตรวจสอบประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนประชาชนซึ่งพบว่ามีจำนวนประมาณ 10 หลัง ส่งให้ทางยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรีเข้าไปหารือกับเจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหาย เพื่อคำนวณความเสียหาย และเจรจากับทางเจ้าของที่ดินในเรื่องของการชดใช้ให้กับชาวบ้านผู้ได้รับความเสียหายต่อไป
ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันได้ก็ไม่ต้องดำเนินการ ตามกฎหมายในขั้นต่อไป พร้อมกันนี้ ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ฝากขอโทษไปยังประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากที่ผ่านมาการดำเนินการตามขั้นตอนของส่วนราชการอาจมีความล่าช้า จนทำให้การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการแถลงข้อสรุป นางมธุรส คุ้มประสิทธิ์ หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ถึงกับหลั่งน้ำตา และเข้าสวมกอดกับผู้สื่อข่าวที่เดินทางมารอทำข่าว ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "รู้สึกตื้นตันใจที่ปัญหาของชาวบ้านได้รับการแก้ไข และอยากฝากขอบคุณไปยังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสื่อมวลชน เพราะหากเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอข่าวปัญหาดังกล่าวก็อาจจะยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะตั้งแต่เริ่มเป็นข่าวมาระยะเวลาเพียง 2-3 วันปัญหาทั้งหมดที่ตนและชาวบ้านต่อสู้ร่วมกันมาเกือบ 2 ปีในที่สุดก็ได้รับการแก้ไข ที่ผ่านมาตนเชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง จึงไม่เคยท้อที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองและชาวบ้าน".